สาวยูเครนหนีสงครามมาไทย จากเต้นไม่ได้ถึงน้ำตาไหลเพราะคนไทยอบอุ่นเกินต้าน
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีคลิปมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังครับ
เรื่องนี้ฟังแล้วกินใจมาก เป็นเรื่องของ “น้องลิซ่า” สาวยูเครนวัย 23 ที่เคยมีชีวิตดี ๆ เป็นนักเต้นอาชีพ กำลังไปได้สวยในสายอาชีพที่เธอรักสุดหัวใจ แต่แล้วทุกอย่างก็พังลงเพราะ "สงคราม"
จากเวทีเต้นสู่สนามรบชีวิต
น้องลิซ่าเคยเป็นนักเต้นดาวรุ่งในยูเครน เธอฝึกมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตอยู่กับการเต้นแบบเต็มร้อย ไม่เคยคิดว่าจะมีอาชีพอื่นด้วยซ้ำ แต่พอสงครามบุกมา ทุกอย่างที่เคยมีอยู่ก็พังลง
-
บ้านเกิดถูกทำลาย
-
ความฝันดับวูบ
-
ชีวิตไม่มีทิศทาง
เธอต้องหนีออกนอกประเทศ หอบความฝันที่ยังไม่จาง ลองไปหางานเต้นใน ตุรกี แต่กลับเจออุปสรรคทั้งการเงิน การยอมรับ และโอกาสที่น้อยนิด สุดท้าย...ต้องยอมเลิกอาชีพที่เธอรักที่สุด
เคว้งคว้าง ไร้บ้าน ไร้เป้าหมาย
ช่วงนั้นน้องลิซ่าเหมือนคนหลงทาง อาศัยในต่างแดน ข่าวจากยูเครนก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกเศร้า ทุกครั้งที่เห็นบ้านเมืองตัวเองพังพินาศ โดยเฉพาะสถานที่ที่ผูกพันอย่างสนามกีฬาโอลิมปิกในเคียฟ ถูกทำลายจนใจสลาย
เธอเคยลงคลิปวันเกิดที่ร้องไห้หนัก บอกว่าตัวเองรู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนไม่มีที่ไหนให้ไปแล้ว แต่หนึ่งในประเทศที่เธอพูดถึงว่า "อยากไปที่สุด" เพราะดูอบอุ่นที่สุดคือ...ประเทศไทย
รักครั้งใหม่ จุดเริ่มชีวิตใหม่
ในความโชคร้าย เธอก็ยังเจอเรื่องดี ๆ หนึ่งในนั้นคือ "เดนี่" แฟนหนุ่มที่เป็นทั้งเพื่อนและกำลังใจให้เธอมาตลอด เดนี่เคยมาเมืองไทยหลายรอบ เลยแนะนำให้ลิซ่าลองเปลี่ยนบรรยากาศมาทางฝั่งเอเชียบ้าง
ตอนแรกน้องลิซ่าก็กลัวครับ เพราะมีแต่คนพูดถึงเมืองไทยในแง่ลบ แต่พอได้เหยียบจริง ๆ...ทุกอย่างกลับตรงข้ามเลยครับ!
ประเทศไทย – บ้านหลังใหม่ที่ไม่เคยคาดคิด
ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง น้องลิซ่ายังดูเศร้า ๆ อยู่เลย แต่พออยู่ไปสักพัก สีหน้า แววตาเริ่มเปลี่ยน เธอยิ้มมากขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้น เธอบอกว่า
“เมืองไทยไม่ใช่แค่ที่พักจากสงคราม แต่มันคือที่ที่อบอุ่นที่สุดที่เคยเจอ”
ค่าครองชีพถูก
อาหารอร่อยหลากหลาย
คนไทยยิ้มง่าย
บรรยากาศแต่ละที่ก็น่ารักไปหมด
เริ่มต้นใหม่ในสายยูทูบเบอร์
แฟนหนุ่มแนะนำให้ลองเป็นยูทูบเบอร์ เพราะลิซ่าเล่าเรื่องเก่ง ถ่ายคลิปก็พอได้ เลยเริ่มจับกล้องถ่ายชีวิตประจำวันแบบจริงจัง
ช่วงนี้เธอก็กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เที่ยว กรุงเทพฯ 1 อาทิตย์ แล้วก็ต่อไป ภูเก็ต 3 อาทิตย์
ลิซ่าบอกว่าแต่ละวันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เธอเริ่มรู้สึกว่า "เมืองไทยคือบ้านอีกหลัง"
แม้ชีวิตต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่ไทยทำให้รู้สึกว่า "ยังมีพรุ่งนี้"
ภูเก็ตที่เงียบสงบแบบไม่ต้องฝืน
ลิซ่าไม่ชอบที่คนเยอะ แต่โชคดีที่แฟนหนุ่มมีคอนเนคชั่น พาไปที่เที่ยวลับ ๆ เงียบ ๆ ที่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จัก
เธอบอกว่าภูเก็ตเวอร์ชั่นนั้นคือ "ของจริง" ที่เปลี่ยนภาพจำไปเลย
แม้จะไม่อินกับปาร์ตี้หรือชายหาดพลุกพล่าน แต่การได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติแบบสงบ ๆ คือสิ่งที่เธอต้องการที่สุดในช่วงชีวิตนี้
ถึงเวลากลับ…แต่น้ำตาก็ยังไหล
วันเดินทางกลับ เธอเลือกนั่งรถไฟไปมาเลเซียแทนการบินตรง เพื่อยืดเวลาที่ได้อยู่ไทยให้นานที่สุด
เธอบอกตรง ๆ ว่า...
“วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุด เพราะต้องออกจากเมืองไทย”
“เอาจริง ๆ ฉันรักเมืองไทยมากกว่ามาเลเซียอีก แต่ฉันต้องกลับไปหาครอบครัวในยูเครนบ้างแล้ว”
สิ่งเล็ก ๆ ในไทยที่เปลี่ยนชีวิต
ลิซ่าทิ้งท้ายไว้ว่า
แม้การใช้ชีวิตในไทยจะไม่มีอะไรหรูหรา
แต่การ นั่งวินรับลม
การ กินข้าวริมถนน
หรือแค่การเดินในตลาดที่คนไทยยิ้มให้
ทั้งหมดนั่นแหละ...คือ "พลังชีวิต" ที่เธอตามหามาตลอด
จากสงคราม...สู่ความเข้าใจในคำว่า “ชีวิต”
เธอสรุปให้ฟังสั้น ๆ ว่า
"ประเทศไทย...ชิว สด ปลอดภัย และทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันยังมีชีวิตอยู่"
เธอเคยไปมาหลายประเทศในเอเชีย
ทั้งกัมพูชา เวียดนาม จีน
แต่ไทยคือที่ที่เธอรู้สึก “เป็นตัวของตัวเอง” ได้มากที่สุด
สงครามไม่เคยมีใครชนะ
เรื่องราวของลิซ่าคือเครื่องเตือนใจอย่างดีว่า สงครามไม่เคยให้ชีวิตใครดีขึ้นเลย
มันพรากทุกอย่างไป—บ้าน ครอบครัว อาชีพ ความฝัน และแม้แต่ "ตัวตน"
แต่ในความพังนั้น...เมืองไทยของเรา ก็ได้กลายเป็น "ที่พึ่งใจ" ให้คนหนึ่งที่เจ็บปวดสุด ๆ ได้กลับมายิ้มอีกครั้ง
ใครเคยเจอชาวต่างชาติแบบลิซ่าที่มารักเมืองไทย มาแชร์เรื่องกันได้นะครับ คนไทยเรามีน้ำใจอยู่แล้วจริงไหม? แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้า สวัสดีครับ!

















