10 สิ่งสำคัญที่ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์
จริงๆ แล้วรถยนต์ก็คือเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง ถ้าใช้งานไม่ดี อาจเป็นเครื่องจักรกลสังหารก็เป็นได้ ตึงต้องมีระบบความปลอดภัย ป้องกันไว้ในรถยนต์ หรือลดความเสียหายรุนแรงจากสถานการณ์ฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน มาดู 10 สิ่งที่สร้างมาเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์
นี่คือ 10 สิ่งสำคัญที่ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ:
1. ถุงลมนิรภัย (Airbags)
ติดตั้งด้านหน้า, ด้านข้าง และบางรุ่นมีถึงบริเวณหัวเข่า ช่วยลดแรงกระแทกเวลาชน เป็นอุปกรณ์ช่วยปกป้องผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยออกแบบให้ทำงานทันทีเพื่อรองรับแรงกระแทกจากการชน ลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บสาหัสแก่ร่างกาย
ทำงานด้วยระบบที่ซับซ้อน เมื่อเซนเซอร์ตรวจจับแรงกระแทกที่รุนแรงเพียงพอ ระบบจะส่งสัญญาณให้ถุงลมพองตัวด้วยความเร็วสูง. ถุงลมจะพองตัวด้วยแก๊สไนโตรเจน และจะยุบตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนไหวได้หลังเกิดอุบัติเหตุ
2. เข็มขัดนิรภัย (Seat Belts)
ลดการกระเด็นออกจากที่นั่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่สำคัญที่สุด เข็มขัดนิรภัยในรถยนต์โดยทั่วไปทำจาก โพลีเอสเตอร์ หรือ ไนลอน. โพลีเอสเตอร์เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถรับแรงได้มาก. ส่วนไนลอนก็ยังคงใช้ทำเข็มขัดนิรภัยบางรุ่น, โดยเฉพาะเข็มขัดนิรภัยแบบคาดเอว
3. ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)
ป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน เป็นระบบป้องกันไม่ให้ล้อลอคขณะเบรครุนแรง ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ดีขึ้น มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ล้อลอคระหว่างช่วงชะลอความเร็วอย่างฉับพลัน
ไฟเตือน ABS ทำงานบนแผงหน้าปัดรถ
ทำงานโดยใช้อิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุมแรงเบรกแต่ละล้อแยกกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ล้อล็อกขณะเบรกแรง. ระบบนี้จะตรวจจับความเร็วของแต่ละล้อ และหากตรวจพบว่าล้อใดล้อหนึ่งกำลังจะล็อก ระบบจะปล่อยและจับแรงเบรกเป็นจังหวะถี่ๆ เพื่อให้ล้อยังคงหมุนได้และไม่ล็อก
4. ระบบควบคุมเสถียรภาพ (ESP หรือ ESC)
ช่วยให้รถไม่เสียการทรงตัวเมื่อเลี้ยวหรือหลบสิ่งกีดขวางอย่างกระทันหัน แต่เป็นชื่อที่ใช้แทนกันได้ในหลายกรณี เช่น ESP ย่อมาจาก Electronic Stability Program และ ESC ย่อมาจาก Electronic Stability Control. ช่วยให้รถยนต์รักษาความเสถียรและป้องกันการเสียการ ควบคุมเมื่อขับขี่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการลื่นไถลหรือสูญเสียการยึดเกาะถนน
ไฟเตือน ESP หรือ ESC ทำงานบนแผงหน้าปัดรถ
ระบบจะใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์วัดความเร็วล้อ, เซ็นเซอร์วัดตำแหน่งพวงมาลัย, และเซ็นเซอร์วัดการก้มเอียงของรถยนต์ เพื่อตรวจจับว่ารถกำลังจะสูญเสียการควบคุม
5. กล้องมองหลัง / เซนเซอร์ถอยหลัง
เพิ่มวิสัยทัศน์ ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุระหว่างถอยรถ
6. ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Monitoring)
แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดที่เรามองไม่เห็นขณะเปลี่ยนเลน
7. โครงสร้างตัวถังนิรภัย (Crumple Zone)
ออกแบบให้บางส่วนของรถดูดซับแรงกระแทกแทนห้องโดยสาร
8. ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assist)
เพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเบรกไม่แรงพอในสถานการณ์ฉุกเฉิน
9. ระบบเตือนเมื่อขับออกนอกเลน (Lane Departure Warning)
แจ้งเตือนหากรถเบี่ยงออกจากช่องทางโดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า เป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้อุบัติเหตุบนท้องถนนเรด้าร์ที่อยู่ด้านหน้ารถยนต์ จะวิเคราะห์และประเมินระยะห่างของรถคันหน้าตลอดเวลาหากพบว่ารถของเราเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป ระบบฯจะส่งสัญญาณเสียงและสัญญาณภาพเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบ เพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
10. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและชะลอความเร็วเองเมื่อจำเป็น เป็นระบบที่ทางวิศวกรยานยนต์ใช้ในการควบคุมความเร็ว เพื่อลดความเมื่อยหรือเหนื่อยล้าของเหล่านักขับทางไกล เจ้าระบบ Cruise Control นี้จะทำงานเลียนแบบวิธีการขับรถของคน โดยจะล็อกความเร็วของรถไว้ให้คงที่ ความเร็วเท่าเดิมตามที่เราตั้งไว้ เพื่อให้คนขับต้องเหยียบคันเร่งค้างไว้






















