คดีปล้น 300 ล้านเยน ปริศนาที่ยังไม่คลี่คลายในญี่ปุ่น
คดีปล้นเงินสดมูลค่า 300 ล้านเยนเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว ยังคงเป็นหนึ่งในตำนานอาชญากรรมที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในญี่ปุ่น จอมโจรนิรนามได้หายตัวไปพร้อมกับเงินจำนวนมหาศาล แม้ตำรวจจะระดมกำลังค้นหานานนับทศวรรษก็ไม่พบร่องรอยใดๆ เลย
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 1968 ผู้จัดการธนาคารนิออนทรัสต์ สาขาโคคูบุจิ ได้รับจดหมายขู่ให้เตรียมเงิน 3 ล้านเยน เพื่อแลกกับการไม่ถูกวางเพลิงบ้าน แม้ตำรวจจะวางกำลังดักซุ่ม แต่คนร้ายก็ไม่ปรากฏตัว
สามวันต่อมา ในวันที่ 10 ธันวาคม 1968 แผนการปล้นที่แยบยลก็ถูกเปิดเผย บริษัทโตชิบาเบิกเงิน 300 ล้านเยน เพื่อจ่ายโบนัสพนักงาน โดยธนาคารใช้เพียงรถเก๋ง Nissan Cedric ธรรมดา และพนักงาน 4 คนในการขนส่ง ขณะเดินทาง รถขนเงินถูกมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับตามประกบ ชายผู้ขับขี่อ้างตัวเป็นตำรวจ แจ้งว่ามีระเบิดซ่อนใต้ท้องรถ และใช้พลุควันสีดำสร้างสถานการณ์ให้เหมือนมีระเบิดจริง เขาออกคำสั่งให้พนักงานลงจากรถเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่เขาจะกระโจนเข้าไปในรถและขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้พนักงานยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตำรวจเริ่มการสืบสวนทันที แต่กลับพบว่าหลักฐานสำคัญหลายชิ้นถูกทำลายลง หมวกแก๊ปของคนร้ายที่น่าจะมีคราบเหงื่อ ถูกตำรวจหลายคนหยิบมาลองสวม ทำให้หลักฐานปนเปื้อน รถยนต์ที่ถูกขโมยมาและใช้ในการหลบหนีก็ถูกทิ้งไว้พร้อมผ้าคลุม บ่งบอกว่าคนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี และอาจมีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่าหนึ่งคน
การสอบสวนมุ่งไปที่ผู้ต้องสงสัยสองราย รายแรกคือ นาย S วัย 19 ปี ซึ่งมีพ่อเป็นตำรวจสายตรวจ แต่กรุ๊ปเลือดและลายมือไม่ตรงกับหลักฐาน อีกทั้งเขามีพยานหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจน และที่น่าแปลกคือ นาย S ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงเพียง 5 วันหลังเกิดเหตุ ทำให้ความเกี่ยวข้องของเขายังคงเป็นปริศนา
ผู้ต้องสงสัยรายที่สองคือ คนขับแท็กซี่ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายภาพสเก็ตช์ ลายมือตรงกับจดหมายข่มขู่ และมีกรุ๊ปเลือด B ตรงตามหลักฐานที่พบ ตำรวจรีบจับกุมและแถลงข่าวใหญ่โต แต่บริษัทแห่งหนึ่งกลับออกมาให้หลักฐานว่า คนขับแท็กซี่รายนี้กำลังสัมภาษณ์งานอยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ทำให้เขาถูกปล่อยตัว และชีวิตของเขาก็ต้องพังทลายลงจากข้อกล่าวหาที่ผิดพลาด จนเขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงเช่นกัน
คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญให้กับตำรวจญี่ปุ่น ซึ่งต่อจากนี้ไปพวกเขาจะไม่จับกุมใคร หากไม่มีหลักฐานมัดตัว 100% คดีปล้น 300 ล้านเยนนี้ทำให้รัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณกว่า 990 ล้านเยนในการสืบสวน และตรวจสอบผู้ต้องสงสัยกว่า 100,000 ราย ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลเมื่อเทียบกับมูลค่าเงินที่ถูกปล้นไปในเวลานั้น (ปัจจุบันเทียบเท่าประมาณ 500 ล้านบาท)
แม้คดีจะหมดอายุความไปแล้วเมื่อปี 1975 โดยไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้เลย แต่ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า เหตุการณ์ทั้งหมดอาจเป็นการจัดฉากของธนาคารเอง หรือมีตำรวจอยู่เบื้องหลัง เพราะคนร้ายรู้เส้นทางและวิธีการทำงานของตำรวจอย่างดีเยี่ยม การปล้นครั้งนี้จึงถูกจัดให้เป็นการปล้นที่สมบูรณ์แบบที่สุดตลอดกาล เพราะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และคนร้ายก็หายตัวไปพร้อมกับเงิน โดยทิ้งไว้เพียงปริศนาที่ยังคงค้างคาใจผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุด
บทเรียนรักกลางสมุทร: อดีตลูกเรือสำราญเตือนสติ ทำไม "ความรักในที่ทำงาน" บนเรือถึงเป็นดราม่าที่หนีไม่พ้น
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
จะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
โศกนาฏกรรมแม่ทัพ"หยวนฉงฮ่วน"ผู้ถูกกิน: เมื่อวีรบุรุษผู้ปกป้องแผ่นดิน ถูกชาวบ้าน "แล่เนื้อ" แกล้มเหล้าเพราะคำลวง
แม่ดีใจที่ลูกชายเป็นหนี้มหาศาล
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
ฟีเจอร์ลับของตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติในญี่ปุ่น
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
เคล็ดไม่ลับ นึ่งข้าวให้เหนียวนุ่ม
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
ความแตกต่างของ มัทฉะ (Matcha) และ ชาเขียว (Green Tea)
ไข่ดาวน้ำเพื่อสุขภาพ
6 เมนูต้อนรับสงกรานต์ เริ่ดไม่ซ้ำบ้านอื่น!
เรื่องของผู้ชายที่ควรรู้เกี่ยวกับการช่วยตัวเองบ่อยๆ ว่าจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลงหรือไม่
“แอ่งดานาคิล” ราวกับอยู่บนต่างดาว สถานที่สุดโหดร้ายแห่งหนึ่งของโลก
ภาพของเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงหรือทีมทำความสะอาด ที่กำลังปฏิบัติงานบริเวณ "ดวงตา" ขององค์พระพุทธรูปอุชิคุ ไดบุตสึ
เผยโฉม "Dracula’s Chivito": จานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลเท่าที่เคยพบ

