รีวิวหนังดัง DUNKIRK ดันเคิร์ก
นาซีรุกไล่กองทัพทหารอังกฤษและฝรั่งเศสถอยร่นสู่ทะเลจนมุมที่เกาะดันเคิร์ก เฝ้ารอชะตากรรม หวังได้รับการปลดปล่อย รอดพ้นจากการถูกล้อม
นี่คือภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจากประวัติศาสตร์สงครามที่ขึ้นชื่อว่าน่าสิ้นหวังที่สุด แต่นายกฯอังกฤษอย่าง Winston Churchill ก็สามารถนำกำลังพลกลับบ้าน รวบรวมคนที่มีชีวิตอยู่ให้ได้มากที่สุดแล้วค่อยหาทางเอาคืนในภายหลังได้สำเร็จ
ผลงานหนึ่งที่ทะเยอทะยานเรื่องหนึ่งของการกำกับ Christopher Nolan โดยเน้นความสมจริงของสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด
เรื่องย่อ
Tommy นายทหารหนุ่มที่พยายามหาทางเอาชีวิตรอดในฐานะทหารราบ เขาได้เจอกับสถานการณ์กดดัน และต้องเอาตัวรอดไปให้สุดทาง แม้จะยากจนดูแทบเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม
Mr.Dawson และลูกชายในฐานะพลเรือน เขาตัดสินใจออกเรือเล็กพร้อมกับชาวบ้านคนอื่นๆ เพื่อช่วยทหารอังกฤษและฝรั่งเศสทีละเล็กทีละน้อย เพื่อไม่ให้ทหารนาซีจับพิรุธได้ เขาได้ช่วยทหารนายหนึ่งไว้ พอเขาฟื้น เขาโกรธมากที่ Dawson จะเข้าพื้นที่ลึกกว่าเดิมแทนที่จะหันหัวเรือกลับทันที
Farrier นักบินมือฉกาจ ต่อสู้ทางอากาศยานและการซุ่มโจมตีภายใต้สถานการณ์ที่ต้องฉับไวและยากแก่การตอบโต้
ทั้ง 3 สถานการณ์ถูกร้อยเรียงสลับกันไปมา จากช่วงต้นกลายเป็นช่วงท้าย ไม่ได้เดินเรื่องเป็นเส้นตรงทีเดียว
นักแสดงนำ
- Fionn Whitehead รับบทเป็น Tommy
- Mark Rylance รับบทเป็น Dawson
- Tom Hardy รับบทเป็น Farrier
- Barry Keoghan รับบทเป็น George
- Aneurin Barnard รับบทเป็น Gibson
- Kenneth Branagh รับบทเป็น Commander Bolton
- James D'Arcy รับบทเป็น Winnant
- Cillian Murphy รับบทเป็น Shivering Soldier
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.อย่างที่บอก...หนังไม่ได้เดินเรื่องเป็นเส้นตรงทีเดียว มีการสลับสามเหตุการณ์แล้วมีจุดเชื่อมโยงกันในภายหลัง เหมือนที่เราเคยเห็นใน Pulp fiction (1994), INTERSTELLAR (2014), OPPENHEIMER (2023) ซึ่งลูกเล่นแบบนี้มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ส่วนตัวครีเอเตอร์ไม่ชอบที่ต้องนั่งนึกย้อนหลังแล้วจับความเชื่อมโยงเป็นความเข้าใจของตัวเองในภายหลัง
2.หนังโฟกัสไปที่ความสนุกที่ได้เห็นการดิ้นรนหนีตายของทหารอังกฤษก่อนที่จะได้รอดชีวิตกลับบ้าน แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะรอดมาได้ ทำให้หนังไม่ได้หนักไปที่การเมืองของสงครามระหว่างประเทศ และไม่ได้เท้าความถึงสงครามก่อนหน้านี้ที่ทำให้ชักนำมาสู่การหนีตายที่ Dunkirk
3.การแสดงของทุกคนทรงพลังและมีจุดยืนของตัวเอง ท่ามกลางสถานการณ์กดดันรุนแรง ที่ครีเอเตอร์ชื่นชอบคงเป็นการแสดงของ Mark Rylance ในบท Mr.Dawson เจ้าของเรือเล็กในฐานะพลเรือน (ชาวบ้าน) ที่อยากทำประโยชน์ให้กับประเทศให้มากที่สุด
4.การแสดงที่ชอบรองลงคือ Tom Hardy ในบทนักบินสุดเท่ และ Kenneth Branagh ในบทผู้นำของกองทัพที่ต้องเสียสละเพื่อเห็นแก่คนหมู่มาก
5.สิ่งที่หนังถ่ายทอดอีกด้านคือความสมจริง ทีมงานพยายามใช้ CGI ให้น้อยที่สุดและใช้องค์ประกอบฉากของจริงให้ได้มากที่สุดเช่นกัน จะเห็นได้ถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตามเนื้อเรื่อง บวกกับการใช้มุมกล้องที่ชาญฉลาดก็ช่วยให้งานภาพออกมาดียิ่งขึ้น
6.เทคนิคเสียงก็สำคัญไม่แพ้กัน ใครที่เคยดูในโรงภาพยนตร์หรือในรูปแบบ Blu-ray disc ก็จะรู้สึกได้ถึงเทคนิคความทุ้มลึกของเสียงที่ดัง ให้ความรู้สึกถึงเบสที่แน่นมากกว่าหนังทั่วไปเรื่องอื่นๆ
















