ทำไมคนเฒ่าคนแก่จึงเชื่อว่าการกินผักบุ้งแล้วจะทำให้ตาหวาน?
"กินผักบุ้งเยอะ ๆ สิลูก จะได้ตาหวาน!" เป็นประโยคที่หลายคนคงเคยได้ยินจากปากของพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย มาตั้งแต่เด็ก คำพูดนี้ดูเหมือนจะเป็นคำสอนธรรมดา แต่แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีรากฐานจากโภชนาการและการสังเกตของคนโบราณ
ต้นเหตุของคำกล่าว: ความเชื่อพื้นบ้านที่ไม่ใช่แค่ ‘ความเชื่อ’
ในอดีต การดูแลสุขภาพโดยไม่พึ่งแพทย์หรือยาแผนปัจจุบันทำให้คนไทยหันไปใช้สมุนไพรและผักพื้นบ้านเป็นเครื่องบำรุงร่างกาย “ผักบุ้ง” ถือเป็นผักสามัญประจำบ้านที่หาได้ง่าย ปลูกได้ไว และนิยมรับประทานกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น “ผักบุ้งไทย” หรือ “ผักบุ้งจีน” ล้วนถูกนำมาใช้ทั้งประกอบอาหารและในตำรับยาโบราณ
คำว่า “ตาหวาน” ในความหมายของคนเฒ่าคนแก่ ไม่ได้หมายถึงตาหวานแบบโรแมนติกเสมอไป แต่หมายถึง ตาที่สดใส มีประกาย ไม่มัว ไม่แห้ง อันเป็นสัญญาณของสุขภาพตาที่ดี
คุณประโยชน์ของผักบุ้งต่อดวงตาในทางวิทยาศาสตร์
หากพิจารณาจากองค์ประกอบทางโภชนาการ ผักบุ้งมีสารอาหารสำคัญหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตา ได้แก่:
วิตามินเอ (เบตาแคโรทีน): ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันภาวะตาแห้ง และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจก
ลูทีนและซีแซนทีน: สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักใบเขียว ช่วยกรองแสงสีฟ้าและลดการเสื่อมของจอประสาทตา
วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ: เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในร่างกายรวมถึงบริเวณดวงตา
การแพทย์แผนไทยกับผักบุ้ง
ในตำราแพทย์แผนไทย ผักบุ้งยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มพืชเย็น ช่วยแก้ร้อนใน ถอนพิษไข้ และใช้บำรุงโลหิต ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลโดยรวมต่อความสดใสของผิวพรรณและดวงตา
สรุป
แม้คำว่า “ตาหวาน” จะดูเหมือนคำพูดเล่นของผู้ใหญ่ แต่หากพิจารณาให้ลึกแล้ว จะเห็นว่าคำกล่าวของคนรุ่นก่อนนั้นมีเหตุผลรองรับในเชิงโภชนาการและการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง ผักบุ้งไม่เพียงเป็นผักราคาถูกที่หาได้ง่าย แต่ยังเป็น อาหารบำรุงสายตาที่ทรงคุณค่า
ดังนั้น… ใครที่อยากมีสายตาสดใส ตาหวานประกายเหมือนวัยเด็ก กินผักบุ้งสักจานวันนี้ก็นับว่าไม่เสียหายนะคะ






















