90% ของคนทั่วไปใส่หน้ากากอนามัยผิดวิธีโดยไม่รู้ตัว!
ในปัจจุบัน แม้การระบาดของโรคโควิด-19 จะลดลงไปมาก แต่การสวมใส่หน้ากากอนามัยยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลายคน ทั้งในด้านการป้องกันเชื้อโรค ฝุ่นละออง และมลภาวะต่าง ๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มี PM2.5 หรือประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว
อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยจาก นายแพทย์ชาวญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ ที่ออกมาเตือนว่า “กว่า 90% ของประชาชนทั่วไปกำลังใส่หน้ากากอนามัยผิดวิธีโดยไม่รู้ตัว” ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการสะสมเชื้อโรค สารพิษ รวมถึงสารก่อมะเร็งในร่างกายโดยไม่รู้ตัว
ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในการสวมหน้ากากอนามัย ได้แก่
1. ใส่ด้านกลับ
หลายคนยังคงสับสนว่าด้านไหนควรอยู่ข้างนอก โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยสีเขียว-ขาว ด้านสีเขียวหรือสีเข้มควรหันออก ด้านขาวหันเข้าหน้า เพื่อให้แผ่นกรองทำงานได้ถูกต้อง
2. ไม่บีบลวดตรงสันจมูก
การไม่บีบลวดให้แนบกับสันจมูกทำให้อากาศและฝุ่นสามารถรั่วไหลเข้าหรือออกได้ง่าย ลดประสิทธิภาพการกรองอย่างมาก
3. ใส่หลวมเกินไป
หน้ากากที่ไม่แนบกับใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณคางและข้างแก้ม ทำให้อากาศเข้า-ออกได้โดยไม่ผ่านแผ่นกรอง ซึ่งไม่ต่างจากไม่ได้ใส่หน้ากากเลย
4. ใช้ซ้ำหลายวัน
หน้ากากแบบใช้แล้วทิ้งควรเปลี่ยนทุกวัน หรือเมื่อรู้สึกว่าอับชื้น ไม่ควรใช้ซ้ำเพราะเชื้อโรคอาจสะสมและก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
5. เก็บไว้ในที่สกปรกหรือใส่ไว้ใต้คาง
การดึงหน้ากากลงมาไว้ใต้คางหรือคอ เท่ากับนำเชื้อโรคกลับเข้าไปสัมผัสปากและจมูกอีกครั้งเมื่อดึงกลับขึ้น
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากใส่หน้ากากผิดวิธีเป็นประจำ
เสี่ยงต่อการสะสมเชื้อโรคและเชื้อรา ซึ่งเมื่อสูดดมซ้ำ ๆ อาจก่อให้เกิดการอักเสบของปอด หรือภาวะปอดติดเชื้อเรื้อรัง
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
สารพิษหรือฝุ่น PM2.5 ที่เข้าไปในร่างกายซ้ำ ๆ อาจสะสมและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอด
คำแนะนำจากแพทย์ญี่ปุ่น: วิธีสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง
ตรวจสอบด้านที่ถูกต้องของหน้ากากเสมอ
บีบลวดให้แนบกับสันจมูกให้สนิท
ดึงหน้ากากให้คลุมจมูก ปาก และคาง โดยให้แนบชิดกับใบหน้าทั้งสองข้าง
เปลี่ยนหน้ากากวันละครั้ง หรือทันทีเมื่อรู้สึกชื้นหรือเปียก
ล้างมือก่อนและหลังการสัมผัสหน้ากากทุกครั้ง
สรุป
แม้หน้ากากอนามัยจะเป็นเครื่องมือป้องกันสุขภาพที่สำคัญ แต่หากสวมใส่ผิดวิธี อาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และสร้างผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว รวมถึงเสี่ยงต่อโรคที่ร้ายแรงอย่างมะเร็งได้ ดังนั้น เราทุกคนควรใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น





















