การคิดลบหลู่สิ่งศักด์สิทธิ์ เป็นบาปเพียงใด
ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน
กรรมสำเร็จด้วยใจ
ฉะนั้น ผลแห่งกรรมทั้งหลาย
ย่อมไหลมาจากใจเช่นกัน
จะคิดอะไร
แล้วบาปแค่ไหน หรือเป็นบุญเพียงใด
ก็ขึ้นอยู่กับใจที่มุ่งคิด
ขึ้นอยู่กับกำลังใจที่ใช้ก่อกรรม
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#มโนกรรมVSความจำได้หมายรู้
หากจงใจคิดไม่ดี
เช่น อาฆาตมาดร้ายอยากเอาคืน
หรือเห็นการคิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องสนุก
เรียกว่ามโนกรรมอันเป็นมหาอกุศล
เพราะอาศัยกำลังใจก่อบาปตรงๆ เต็มๆ
แต่หากไม่ได้จงใจ
ทว่าเกิดความรู้สึกอยากทำร้าย
อยากขโมย อยากผิดกาม อยากโกหก
หรืออยากลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในรูปความคิดแวบผ่านเข้ามาในหัว
ไม่ได้มีกำลังใจของตนเองหนุนหลังจริงจัง
อย่างนี้เรียกว่า
เป็น ‘ความจำได้หมายรู้’ อันเป็นอกุศล
หาใช่การก่อกรรม หาใช่บาปร้ายแรง
ที่จะติดตัวเป็นเงาตามไปให้ผลไม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดความจำ
หรือเกิดความสำคัญมั่นหมาย
อันเป็นอกุศลขึ้นในหัวแล้ว
ที่จะชี้วัดว่าเกิดบาปหรือเกิดบุญตามมา
ต้องดู ‘ใจ’
ที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับอกุศลธรรมนั้นๆ
หากเริ่มคล้อยตามความคิดพิเรน
เต็มใจครุ่นคิดต่อ
ตามเสียงกระซิบของปีศาจในหัว
กระทั่งคึกคะนอง
โพล่งวาจาทะลึ่งตึงตังให้คนอื่นได้ยิน
อย่างนี้เรียกว่าก่อกรรมใหม่อันเป็นไปในวิถีปีศาจแล้ว
เมื่อสะสมบาปมาก จิตวิญญาณย่อมมีรูปปีศาจ
เหมาะกับแดนปีศาจในภายภาคหน้า
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#รับผลของกรรมเก่า
#หาใช่ก่อกรรมใหม่
แต่หากเอาแต่เฝ้าทรมานใจ
แอบกังวลอยู่กับตัวเองโดยไม่กล้าบอกใคร
ครุ่นคิดว่าเราเป็นคนบาปแล้วหนอ
หรือสงสัยว่าเราจะต้องตกนรกหรือเปล่าหนอ
เช่นนี้ แท้จริงแล้ว
คุณกำลัง ‘รับผลของกรรมเก่า’
ที่เคยไปเบียดเบียนคนอื่นให้เจ็บใจ
หาใช่ ‘ก่อกรรมใหม่’
ด้วยการทำให้ใครเดือดร้อนไม่
ไม่แม้กระทั่งจงใจคิดร้าย
ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหนๆด้วยซ้ำ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#แปรอกุศลสัญญาให้เป็นมหากุศล
ในทางกลับกัน
หากอาศัยความจำได้หมายรู้อันเป็นอกุศลนั้น
เป็นเครื่องมือฝึกสติให้เจริญขึ้น
เริ่มจากยอมรับตามจริงว่า
อกุศลธรรมเกิดขึ้นในหัว
เห็นตามจริงว่า
เราไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เต็มใจให้มันเกิดขึ้น
สิ่งใดเกิดขึ้นด้วยสาเหตุหนึ่งๆเป็นธรรมดา
เมื่อหมดเหตุหนึ่งๆแล้ว
สิ่งนั้นย่อมต้องดับลงเป็นธรรมดา
ไม่น่ายินดี และไม่น่ายินร้าย
เห็นอย่างนี้ เรียกว่า
ก่อกรรมใหม่เป็นการ ‘เจริญสติ’
ซึ่งทางพุทธศาสนาถือเป็นบุญขั้นสูงสุด
เหนือกว่าการรักษาศีลสำเร็จ
และเหนือกว่าการให้ทานไม่เลือกหน้า
สรุปคือ หากมองถูก
อกุศลธรรมก็เป็นปัจจัยให้เกิดบุญขั้นสูงสุด
เท่าที่มนุษย์จะทำได้
และมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ชี้ทางให้ทำได้
โดยก่อตั้งศาสนาที่สอนให้ดูความคิดไม่เที่ยง
ทรงสอนให้เห็นบ่อยจนรู้ซึ้งว่า
ความคิดไม่ใช่ตัวตน
จะเป็นความคิดฝ่ายกุศลหรืออกุศลก็ตาม!
อ้างอิง : ดังตฤณ














