กินอาหารบูดบ่อย ๆ เสี่ยงเป็นโรคไม่รู้ตัว! อย่าชะล่าใจแค่ “กลิ่นเปรี้ยว”
เคยมั้ย? อาหารเหลือจากเมื่อวาน อุ่น ๆ แล้วกินต่อ เพราะ “เสียดาย” หรือของในตู้เย็นหมดอายุไปวันสองวันแต่ยังดูปกติ เลยกินต่อ... ระวังไว้ให้ดี เพราะพฤติกรรมแบบนี้ อาจพาเราเข้าโรงพยาบาลโดยไม่รู้ตัว!
อาหารบูด = บ้านของแบคทีเรียตัวร้าย
หลายคนคิดว่าแค่อาหารเปรี้ยวนิด ๆ ไม่เป็นไร แต่จริง ๆ แล้วในอาหารที่บูด อาจมีแบคทีเรียอันตรายอย่าง Salmonella, E. coli, Listeria หรือ Clostridium botulinum ซ่อนอยู่ พวกนี้เป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษที่อาจถึงขั้นเสียชีวิต!
อาการที่มักตามมาหลังจากกินของบูด:
คลื่นไส้ อาเจียน
ปวดท้อง ท้องเสีย
มีไข้ หนาวสั่น
ในรายรุนแรงอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือระบบประสาทล้มเหลว
โรคที่อาจเกิดได้ ถ้ากินของบูดเป็นประจำ:
1. อาหารเป็นพิษ – เกิดขึ้นทันทีใน 6-48 ชั่วโมง
2. บอทูลิซึม (Botulism) – โรคร้ายแรงจากสารพิษของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาตได้
3. โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง – เพราะการติดเชื้อซ้ำ ๆ
4. ไตเสื่อมจากการสะสมสารพิษในร่างกาย
อย่าประมาทแค่เพราะ “ยังดูดี”
อาหารที่บูดบางอย่างอาจไม่มีรสเปรี้ยวหรือกลิ่นแปลกในทันที โดยเฉพาะอาหารที่ใส่สารกันบูดหรือแช่เย็นไว้ กลิ่นและรสอาจไม่เปลี่ยน แต่เชื้อโรคก็ยังเติบโตได้
เคล็ดลับป้องกันตัวเองแบบง่าย ๆ:
อย่ากินของที่เกินวัน แม้จะใส่ตู้เย็น
สังเกตรส กลิ่น สี ให้ดีทุกครั้ง
ถ้าไม่แน่ใจ “ทิ้งไปเถอะ” อย่าเสียดายสุขภาพ
ล้างมือก่อนกินเสมอ
เก็บอาหารในกล่องปิดสนิท และแยกประเภทให้ชัดเจน
เพราะสุขภาพเราไม่ได้มีอะไหล่เปลี่ยนใหม่ได้
การกินอาหารบูดบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่าคิดว่าแค่ท้องเสียแล้วหาย มันอาจทิ้งผลระยะยาวกับร่างกายเราแบบที่ไม่รู้ตัว
ใครเคยมีประสบการณ์เจอของบูดแบบไม่ทันตั้งตัว หรือเคยอาหารเป็นพิษเพราะกินของ
เหลือ มาแชร์กันได้นะคะ จะได้เตือนกันไว้ก่อนสายเกินไป





















