"ผักสด" หรือ "ผักต้ม" กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน?
เคยสงสัยไหมครับว่า...เวลาจะกินผักสักมื้อ เราควรเลือกกินแบบ "สดๆ" หรือควรเอาไป "ต้มสุก" ดีกว่ากัน?
จริงๆ แล้ว ทั้งผักสดและผักต้ม ต่างก็มีข้อดีของตัวเอง อยู่ที่ว่าเราต้องการอะไรจากผักที่กินเข้าไป และสภาพร่างกายของเราตอนนั้นเป็นแบบไหน
ผักสด – ได้วิตามินแบบเต็มๆ แต่ต้องระวังเรื่องความสะอาด
ผักสดอย่างเช่นผักสลัด แตงกวา แครอท ผักชี หรือใบโหระพา ฯลฯ มักมีวิตามินซี วิตามินบี และเอนไซม์ต่างๆ อยู่สูง เพราะความร้อนยังไม่ได้ทำลายสารอาหารเหล่านี้ ถ้ากินแบบสด เราจะได้ประโยชน์เต็มๆ จากสารอาหารที่ไวต่อความร้อน
แต่ก็ต้องระวังเรื่องสารเคมีตกค้าง หรือพวกเชื้อโรคจากดินหรือแมลงที่อาจอยู่ในผักดิบ ถ้าล้างไม่สะอาด ก็อาจทำให้ท้องเสีย หรือรับสารพิษเข้าไปโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือคนที่ภูมิต้านทานต่ำ
ผักต้ม – ย่อยง่าย ปลอดภัย แต่บางสารอาหารอาจลดลง
ถ้าเรานำผักไปต้ม หรือทำให้สุก จะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ระบบย่อยอาหารเริ่มอ่อนแอลง เช่น ผู้สูงวัย หรือคนที่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ผักที่ผ่านความร้อนแล้วจะนุ่ม เคี้ยวง่าย และไม่ทำให้ท้องอืด
แถมยังช่วยฆ่าเชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่อาจอยู่ในผักได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ความร้อนก็จะทำให้วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี หรือโฟเลต ลดลงไปบ้าง โดยเฉพาะถ้าเราต้มผักนานเกินไป
แล้วสรุปควรกินแบบไหนดี?
คำตอบคือ "กินทั้งสองแบบสลับกัน" จะดีที่สุดครับ
ถ้าวันไหนเรามั่นใจในความสะอาด เช่น ผักปลอดสารหรือผักปลูกเอง ก็เลือกกินสดเพื่อรับสารอาหารเต็มๆ แต่ถ้าไม่แน่ใจเรื่องความสะอาด หรืออยากให้ย่อยง่ายหน่อย ก็ต้มสักนิดก่อนกินจะปลอดภัยกว่า
และถ้าเรานึ่งแทนการต้ม โดยใช้ไฟอ่อนๆ จะช่วยลดการสูญเสียสารอาหารได้น้อยกว่าการต้มลงน้ำโดยตรงด้วยนะครับ
สรุปสั้นๆ
ผักสด = วิตามินสูง แต่ต้องล้างดีๆ
ผักต้ม = ย่อยง่าย ปลอดภัย แต่อาจเสียสารอาหารบางชนิด
ทางที่ดี = กินสลับกันทั้งสดและสุก แล้วเลือกตามสุขภาพของเราด้วย
สุขภาพดี เริ่มที่จานผักวันนี้แหละครับ
กินให้หลากหลาย แล้วร่างกายเราจะขอบคุณในระยะยาวแน่นอน
#สุขภาพดีเริ่มที่จานอาหาร #ผักสดหรือผักต้ม #กินผักให้พอดี #เคล็ดลับสุขภาพดี #ผู้สูงวัยกินอะไรดี #กินอย่างฉลาด
