เรื่องสั้น แล้วเจ้าชายตัวจริงก็มารับเจ้าหญิง 2
"นายพูดมากฉิบหาย!" เขาหัวเราะ
"เวลาซ้อนท้ายเรานะ หนวกหูชะมัด" เขานึกถึงตอนที่เธอซ้อนมอร์เตอร์ไซด์เขากลับบ้าน
"ไอ้บ้าเอ๊ย!!" รีมฟาดเข้าแรงๆ ด้วยผ้าขนหนูเข้าที่ต้นแขนเพื่อนหนุ่ม
ชายหนุ่มหลบ ก่อนจะยื่นหน้ามาบอก
"มันไม่เหงาหูดีว่ะ"
"สองคนนั้นน่ะทำอะไรอยู่ หมดเวลาพักแล้ว ลงมาซ้อมต่อสิ" เสียงโค้ชตะโกนดุแหยงๆ อยู่ที่ข้างสนามด้านตรงข้าม
สองสหายรีบตารีตาเหลือก วิ่งลงสนามไป
================
เมื่อซ้อมเสร็จ เด็กสาวรีบวิ่งเข้าไปหารีมตามนัด รีมขอตัวเดินเอาข้าวของไปเก็บที่ห้องพักนักกีฬ่า
"ไปนะฮาม......เจ้าหญิงมารับเจ้าชายแล้ว" เธอยิ้มกวนๆ ใส่เพื่อนหนุ่ม ก่อนที่จะเดินออกจากห้องพักไป
ฮามได้แต่มองตามด้วยสายตาเหงาหงอย เขาไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เก็บของเข้าล็อคเก้ออย่างเงียบเฉียบ แล้วจึงเดินไปยังลานจอดรถมอร์เตอร์ไซด์หลังตึกเรียน หยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวม มองหมวกกันน็อคอีกใบ ที่รีมเคยใส่ประจำ พร้อมกับขึ้นมาส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายกวนประสาทเขาอยู่ข้างหลัง เขาสต๊าร์ทรถนำรถมอร์เตอร์ไซด์คู่ใจแล่นทยานออกจากโรงเรียน นึกถามหมวกกันน็อคใบนั้นว่า
มันจะเหงาบ้างไหมเมื่อขาดเธอ รีม!
สมองของเขาคิดวกวนอย่างรู้สึกสับสน ทำไมเขาถึงรู้สึกเงียบเหงาหัวใจอย่างนี้ นี่เธอมีอิทธิพลกับตัวเขาเองขนาดนี้เชียวหรือ แต่ก่อนก็ไม่เคยมีเธอนั่งซ้อนท้ายนี่หว่า พอวันนี้จะไม่มีเธอเหมือนแต่ก่อนที่เคยไม่มี ทำไมมันรู้สึกแย่อะไรอย่างนี้นะ ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาชอบซักหน่อยจริง ๆ เขาชอบผู้หญิงอ่อนหวานอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย พูดจาเพราะรื่นหูต่างหาก เวลาได้อยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกสบายใจ น่าทะนุถนอม
แต่แล้วเมื่อเขาได้พบเจอกับผิดหวังและความเจ็บปวด ทรมานแทบไม่สามารถประครองลมหายใจเอาไว้ได้ ความรู้สึกนั้นยังคงฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ เขาเข็ดและขลาดกลัวต่อความสูญเสีย และไม่เคยคิดที่จะสนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย
แต่กาลเวลาเหมือนยาสมานแผล ความคุ้นเคยและความใกล้ชิด มีผลต่อความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป มันก่อใยบางๆ ห่อหุ้มและมัดหัวใจเขาไว้แน่น จนไม่อาจจะดิ้นหลุดออกมาเป็นอิสระ จากสายตาที่เคยมองเธออย่างเพื่อน เพื่อนที่สนิท เพื่อนที่รู้ใจ มันเริ่มเปลี่ยนไป อย่างที่เขาเองก็ไม่ทันรู้ตัว ทั้งๆ ที่เขาเคยมองข้ามเธอมาตลอด
รีม หญิงห้าว ผมที่ซอยสั้น ทำให้เธอดูคล้ายเด็กผู้ชายซุกซนมากกว่า ที่จะเป็นผู้หญิง แม้เขาจะระอาในการพูดแบบขวานผ่าซากของเธอ แต่ทุกคำที่เธอพูดก็ตรงไปตรงมาจริงใจทุกคำ โผงผางเป็นที่หนึ่ง หัวแข็งและดื้อรั้น แต่ก็ไม่เคยมีใครโกรธ เมื่อถูกเจ้าหล่อนด่าเอาเจ็บๆ แสบๆ ทุกคนต่างเข้าใจในความเป็นเธอ ข้อดีของเธอชนะใจเพื่อนๆ ทุกคน ไม่มีใครปฏิเสธ หากบอกว่า รีม เป็นคนเปิดเผยจริงใจจริงจัง และมีน้ำใจต่อเพื่อนๆ ทุกคนสม่ำเสมอเท่าเทียมกัน
หากรีมจะลดกิริยาแข็งกร้าวแบบผู้ชายและความดื้อรั้นแบบหัวชนฝาลงบ้าง เธอคงจะน่ารักดีพิลึก แต่บางทีถ้าเธอจะเป็นอย่างผู้หญิงทั่วไปเป็น เขาคงต้องหัวเราะขำกลิ้งสี่ห้าตลบ มันคงจะดูเก้งก้างพิกล ที่สำคัญเห็นเธอห้าว ๆ อย่างนี้ แต่เธอหวงเนื้อหวงตัวน่าดูเลย เขาเคยนึกสนุกแกล้งเธอ
วันนั้นเธอและเขาซ้อมบาสอยู่จนเย็นอย่างเคย ขณะที่กำลังแย่งลูกบาสกันนั้นเขาจับทั้งมือเธอทั้งลูกบาสมาด้วย รีมจ้องหน้าเขาเขม็ง และรู้ว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญ และเขาจงใจแกล้งเธอ แต่สายตาเธอตอนนั้นไม่ได้นึกสนุกด้วยเลย เธอกระแทกลูกบาสเข้ากับท้องเขาอย่างแรง จนเขาจุกเซล้มไปนอนตัวงอ เธอโกรธเอามาก ๆ ไม่ยอมพูดกับเขานานเป็นเดือน
นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเกือบเสียเพื่อนที่แสนดีอย่างเธอไป หลังจากนั้น เขาไม่กล้าคิดที่จะแกล้งเธออย่างนั้นอีกเลย แต่น่าแปลก ความรู้สึกดีดีที่มีต่อเธอกลับมีเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย จนรู้สึกว่าขอแค่ได้ใกล้ชิด เป็นเพื่อนกับเธออย่างนี้ก็พอ แค่นี้ก็มีความสุข และไม่ต้องการอะไรจากเธออีกแล้ว..
ถ้าเราเปลี่ยนความรู้สึกที่อยากให้ได้ดั่งใจ ให้เป็นอย่างที่เราคิด อย่างที่เราต้องการ เปลี่ยนเป็นให้ โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทน ให้เพราะอยากจะให้ ให้เพราะอยากให้เขามีความสุข แค่นี้...เราคงค้นพบความสุขที่แท้จริง....ได้โดยไม่ยากนัก....
ชายหนุ่มยิ้มอยู่คนเดียว กับเรื่องราวที่ผ่านมา…
แต่วันนี้…ตอนนี้…เวลานี้…
ทำไมเขาถึงได้รู้สึกอิจฉาเด็กผู้หญิงคนนั้น ที่ได้กลับบ้านกับเธอก็ไม่รู้…
สีหน้าของเขาหม่นลงอีก
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” เขาบ่นตัวเอง
เขาหักหัวรถเลี้ยวซ้าย เข้าซอยเล็กๆ
ฮามเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่อมองเห็นรีม เดินกลับบ้านอยู่เพียงลำพัง เขาชะลอรถ แล้วจอดลงตรงหน้าหญิงสาว
"เจ้าหญิงไปไหนซะล่ะรีม" ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆ หัวใจเหี่ยว ๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นรื่นเริงขึ้นมาทันที
อ่านต่อตอนหน้านะคะ
ถ้าต้องการอ่านแบบ e-book กดลิงค์ที่ comment ได้เลยค่ะ
ที่มา:






