เริ่มทริปสุดเป๋ แต่จบด้วยรอยยิ้ม ประสบการณ์สุดวุ่นฮาจากคู่รักโปแลนด์เที่ยวไทย
สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ผมมีเรื่องราวน่ารัก ๆ ของคู่รักนักเดินทางชาวโปแลนด์ ที่ผมไปเจอในคลิปยูทูบแล้วรู้สึกว่า "โห เรื่องราวมันได้มาก!" จนต้องเอามาเล่าให้ฟังแบบจัดเต็ม แต่กระชับ เข้าใจง่าย รับรองว่าสนุกแน่นอนครับ!
เรื่องมันเริ่มจาก "อาเนต้า" กับ "ราเด็ค" คู่รักชาวโปแลนด์ที่ตั้งใจจะเริ่มทริปรอบโลกด้วยจุดหมายแรกคือ... ประเทศไทย! พวกเขาเลือก “ภูเก็ต” เป็นจุดสตาร์ท แต่บอกเลยว่าทริปนี้ไม่ได้เริ่มด้วยความราบรื่นเท่าไหร่
ลงเครื่องปุ๊บ ทริปล่มปั๊บ
แค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังแลนดิ้งที่ภูเก็ต ก็โดนซะแล้ว!
-
ราเด็ค ทำกระเป๋าเป้หายเฉย
-
อาเนต้า แพ้อากาศร้อนชื้นแบบไทย ๆ จนเสียงแหบเหมือนเพิ่งไปร้องคาราโอเกะ 3 ชั่วโมงติด
แผนเที่ยวเกาะสวย ๆ ต้องพับเก็บไว้ก่อน… กลายเป็นภารกิจ “เอาชีวิตรอดก่อนแล้วค่อยไปลุย”
ผัดไทยกู้วิญญาณ
ในวันที่ยังไม่พร้อมลุย ทั้งคู่เลยเดินหาของกินแถวที่พัก แล้วเจอร้านผัดไทยเล็ก ๆ ไม่มีป้ายร้าน ไม่มีอะไรเด่น แต่กลายเป็นร้านที่พวกเขากินซ้ำสามวันติด!
และที่น่ารักมากคือ ป้าคนขายจำได้ตั้งแต่วันที่สองว่า "สองคนนี้ไม่กินเผ็ด" แล้วก็ปรุงแบบพิเศษให้ทุกวันโดยไม่ต้องบอกซ้ำ
อาเนต้าบอกว่า แค่ได้กินผัดไทยร้อน ๆ ใต้พัดลมเก่า ๆ กับรอยยิ้มของป้าเจ้าของร้าน ก็รู้สึกเหมือนได้พักใจจากความวุ่นวายเลย
ขนมไม่รู้ชื่อ แต่กินแล้วหัวเราะ
วันหนึ่ง ป้ามีขนมอะไรไม่รู้ ยื่นมาให้ลอง
ราเด็คกินแล้วทำหน้างง บอกว่า “แปลกดี…เหมือนมีถั่ว ๆ แต่ก็อร่อย”
ส่วนอาเนต้าบอก “คล้ายเครปที่ยังไม่สุกดี” แล้วก็ขำกันไม่หยุด
สุดท้าย ถึงจะไม่รู้ว่าชื่อขนมอะไร แต่มันกลายเป็น “รสชาติของความสุขแบบไทย ๆ” ไปซะงั้น
หมูกระทะมื้อโกลาหล
เมื่อเริ่มฟื้นตัว ทั้งคู่ก็มีภารกิจใหม่คือ “หมูกระทะ” ที่ได้ยินมาว่าเป็นของเด็ดของไทย
แต่พอไปถึงร้าน... โอ้โห! งงเด้อ
-
หมูหมัก
-
ปลาหมึก
-
หน่อไม้
-
เต้าหู้
-
ผักหน้าตาแปลก ๆ
-
บางอย่างดูเหมือนผลไม้หลงทาง
-
มีไข่ มีเส้น มีทุกสิ่ง
ราเด็คถือคีมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้วบอกว่า “ไม่มีสูตร ไม่มีคำอธิบาย มีแค่เตาร้อนกับความกล้าในใจ”
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยหม้อซุปที่อาเนต้าใส่ทุกอย่างจนได้ฉายา “หม้อโกลาหลแห่งความสุข”
ถึงจะไม่ใช่มื้อที่สมบูรณ์แบบ แต่เสียงหัวเราะ เสียงตักหมู และน้ำจิ้มเลอะไม้เลอะมือ ทำให้มื้อนี้... โคตรประทับใจ
ทริปสุดปั่นบนเกาะลันตา
ต่อจากภูเก็ต ทั้งคู่มุ่งหน้าสู่เกาะลันตา ด้วยความหวังว่าจะได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ แต่เจอด่านแรกคือ “เกมการต่อรอง”
ทั้งสองต่อราคารถตุ๊กตุ๊กได้เหลือ 500 บาทแบบภูมิใจสุด ๆ ยิ้มกันใหญ่ คิดว่า “ชนะแล้ว!”
แต่...ความดีใจอยู่แค่ครึ่งทาง
เพราะคนขับบอกว่า “ถึงแค่ตรงนี้ครับ”
จะไปต่อ ต้องขึ้นรถจี๊ปอีกคัน... ราคา 1,500 บาท!
ราเด็คพูดว่า “คิดว่าได้ดีลชีวิต สุดท้ายเสียเงินแพงกว่าค่าแท็กซี่จากสนามบิน” แถมต้องปีนเขาอีก!
ปีนเขา 35 องศา เพื่อภาพวิวในฝัน
ทั้งคู่ต้องเดินป่าในอุณหภูมิ 35 องศา พร้อมความชื้นเกือบ 80% ต้องจับเชือกปีนทางชัน เหงื่อออกจนเสื้อเปียก
แต่พอถึงยอดเขา… สิ่งที่รออยู่คือวิวทะเลใสเหมือนคริสตัล กับลมเบา ๆ และคลื่นซัดเบา ๆ
อาเนต้าหันมาบอกว่า “ตอนนี้แหละที่รู้ว่าคุ้มกับทุกเหงื่อที่เสียไป”
ปิดทริปด้วยฉากหนังบนเกาะห้อง
ที่สุดท้ายของทริปทะเลใต้คือ “เกาะห้อง” ที่สวยจนนึกว่าอยู่ในหนัง
-
น้ำใสเขียวอมฟ้าสะท้อนเงาเรือ
-
หาดทรายขาว
-
เงาไม้กับเสียงนกในลากูนเงียบสงบ
-
ไม่มีบท ไม่มีคำพูด มีแค่ความรู้สึกเต็มหัวใจ
อาเนต้าเล่าว่า “อยู่ตรงนี้ อยู่ด้วยกัน แค่นั้นพอ”
เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่า “ไม่ต้องมีแผน ไม่ต้องมีเป้าหมาย แค่ได้สัมผัสธรรมชาติไปพร้อมกันก็พอแล้ว”
สรุปทริปนี้...ใจคือปลายทาง
อาเนต้าและราเด็ค บอกไว้ในตอนท้ายว่า
“ประเทศไทยไม่ได้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเดินทางรอบโลก แต่เป็นที่ที่ทำให้เราเข้าใจว่า ความสุขบางอย่างไม่ต้องมีคำอธิบาย”
ผมดูแล้วก็รู้สึกตามเลยครับ
บางครั้ง… ทริปที่ไม่เป็นไปตามแผน
มันกลับเป็นทริปที่มีความหมายที่สุด
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ใครมีประสบการณ์ทริปวุ่น ๆ แต่โคตรประทับใจแบบนี้ มาเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ























