Fast Moving ของ Oligio เทคโนโลยียกกระชับผิวล้ำสมัยเพื่อผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
Fast Moving ของ Oligio เทคโนโลยียกกระชับผิวล้ำสมัยเพื่อผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
พลิกโฉมการดูแลผิวด้วยพลังคลื่นความถี่สูง
ในยุคที่เทคโนโลยีความงามพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เทรนด์การดูแลผิวก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากการทำศัลยกรรมหรือหัตถการที่ต้องพักฟื้นนาน สู่เทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยแบบไม่ต้องผ่าตัด หนึ่งในเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุดในขณะนี้คือ Oligio ซึ่งโดดเด่นด้วยพลังงานความถี่สูงแบบ Monopolar RF ทำงานร่วมกับเทคนิค Fast Moving เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวอย่างเห็นผล
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผิวของคุณกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึก คืนความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนให้กับผิว โดยไม่ทิ้งร่องรอยหรือแผลหลังทำ และที่สำคัญ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
Oligio คืออะไร? จุดเด่นของเทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่าตัด
Oligio เป็นเทคโนโลยีความงามที่เน้นการยกกระชับผิวแบบไม่รุกราน ใช้คลื่น Monopolar RF ที่ส่งพลังงานลงไปในชั้นหนังแท้และชั้นไขมันเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน ส่งผลให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมาตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
อีกหนึ่งข้อดีของ Oligio คือเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย และทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นคนผิวแห้ง ผิวมัน หรือผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
เจาะลึกเทคนิค Fast Moving ของ Oligo – ความลับของผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เทคนิค Fast Moving ของ Oligo คือเทคโนโลยีในโปรแกรม Oligio ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วและแม่นยำในการส่งพลังงาน RF ลงสู่ผิว ด้วยหัวเครื่องที่ถูกออกแบบให้เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น พร้อมระบบปล่อยพลังงานอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้การกระจายความร้อนสม่ำเสมอทั่วผิวหน้า ส่งผลให้ผิวกระชับในทุกมิติ
ความโดดเด่นอีกอย่าง คือความรู้สึกขณะทำที่แทบไม่เจ็บเลย เพราะมีระบบสั่นและระบบ Cooling ที่คอยควบคุมอุณหภูมิผิวให้เย็นสบาย ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกผ่อนคลาย แม้ขณะเครื่องกำลังปล่อยพลังงานเข้าสู่ชั้นผิวลึก
เหตุผลที่คนยุคใหม่เลือก Fast Moving ของ Oligio
ไม่ใช่แค่เพราะผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน แต่ยังรวมถึงความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย Fast Moving ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูดีโดยไม่ต้องเสียเวลาหยุดงาน หรือหลีกเลี่ยงแสงแดดนาน ๆ หลังทำทรีตเมนต์
อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ยกกระชับปรับรูปหน้า ให้เรียวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งสารเติมเต็ม เพราะเทคโนโลยีนี้สามารถกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิว ส่งผลให้กรอบหน้าคมชัดและกระชับขึ้น
ประโยชน์หลักที่ได้จากการใช้ Fast Moving ของ Oligo
- Fast Moving ของ Oligo กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดี
- Fast Moving ของ Oligo ลดริ้วรอยแห่งวัย ทั้งรอยย่น ร่องลึก และรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา
- Fast Moving ของ Oligo ช่วยเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลดเลือนรอยแดงและจุดด่างดำ
- Fast Moving ของ Oligo ลดปัญหารูขุมขนกว้าง ช่วยให้ผิวหน้าเนียนละเอียดขึ้น
- Fast Moving ของ Oligo ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว จากปัญหาผิวบาง แห้งกร้าน หรือขาดความชุ่มชื้น
การทำ Fast Moving ของ Oligo เพียงครั้งเดียว สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และหากทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอปีละ 1-2 ครั้ง ก็สามารถรักษาความกระชับของผิวไว้ได้ยาวนานถึง 12 เดือน
Oligio vs เทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ
แม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวให้เลือกหลากหลาย แต่ Oligio ที่มาพร้อมเทคนิค Fast Moving ก็ถือว่ามีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างจากเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างชัดเจน
- Oligio (Fast Moving) ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar RF ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้กระชับไว และเห็นผลรวดเร็วโดยไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือจำเป็นต้องพักฟื้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยและต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะสั้น
- ในขณะที่ Ultherapy ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) เพื่อกระตุ้นการยกกระชับในระดับลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับลึกมาก เช่น รอบกรามหรือใต้คาง ให้กลับมาตึงกระชับขึ้น
- ส่วน Thermage FLX ก็เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่น Monopolar RF แบบเดียวกับ Oligio แต่มีความต่างตรงที่ไม่ได้ใช้เทคนิค Fast Moving ซึ่ง Thermage จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องฉีดสารเติมเต็ม และเน้นการรักษาผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สำหรับ Morpheus8 เป็นการผสานระหว่างเทคโนโลยีคลื่น RF และ Microneedling หรือการใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อส่งพลังงานลงสู่ผิว ทำให้สามารถดูแลผิวได้หลายระดับพร้อมกัน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทั้งชั้นผิวลึกและผิวตื้น เช่น ริ้วรอย รอยหลุม หรือความไม่เรียบเนียนของผิว
- ในขณะที่ Ultraformer ก็ใช้พลังงาน Ultrasound เช่นเดียวกับ Ultherapy แต่มีความพิเศษตรงที่สามารถปรับรูปหน้าให้ชัดเจนมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับเฉพาะบริเวณ เช่น กรอบหน้าให้คมชัด หรือบริเวณลำคอที่เริ่มหย่อนคล้อย
ข้อควรระวังก่อนและหลังการทำ Fast Moving
ก่อนทำ
- ก่อนทำ Oligio งดใช้ครีมที่มี AHA/BHA หรือ Retinol
- ก่อนทำ Oligio แจ้งแพทย์หากมีประวัติโรคเรื้อรังหรือใช้ยาต่อเนื่อง
- ก่อนทำ Oligio หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือทำเลเซอร์มาก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์
หลังทำ
- หลังทำ Oligio ทาครีมบำรุงที่ไม่มีสารระคายเคือง
- หลังทำ Oligio หลีกเลี่ยงการออกแดดหรือเข้าซาวน่าใน 48 ชั่วโมงแรก
- หลังทำ Oligio งดแต่งหน้าหนักหรือใช้รองพื้นหนาในช่วง 1-2 วันแรก
การดูแลอย่างเหมาะสมหลังการทำจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและผิวฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น
ทำไม Oligio Fast Moving ถึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
เทคโนโลยีนี้ได้รับการรับรองจากอย.ต่างประเทศ จึงมั่นใจได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ปลอดภัยและมีคุณภาพระดับสากล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองแบบเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม
อีกทั้ง ยังเป็นการลงทุนระยะยาวในด้านผิวพรรณ เพราะการกระตุ้นคอลลาเจนจากภายในจะช่วยให้ผิวดูเด็กลงอย่างต่อเนื่องแม้เวลาจะผ่านไป ทำให้คุณมีผิวที่เปล่งประกาย สดใส และเรียบเนียนอยู่เสมอ
















