สรุปเส้นทางความรักของโตโน่-ณิชา
สรุปเส้นทางความรักของ โตโน่ ภาคิน และ
ณัฏฐณิชา: จากคู่จิ้นในจอ สู่คู่ชีวิตนอกจอ ก่อนจบลงด้วยคำว่า "ห่างกัน"
ความสัมพันธ์ของ โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ และ ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ เป็นหนึ่งในคู่รักคนดังที่ได้รับความสนใจจากแฟน ๆ มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ทั้งสองได้ร่วมงานกันในซีรีส์เรื่อง “The Cupids บริษัทรักอุตลุด” ตอน “กามเทพซ้อนกล” ของช่อง 3 เมื่อปี 2560 ทั้งสองคนได้รับบทบาทพระนางร่วมกัน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ พัฒนาโดยไม่ต้องมีการจีบกันแบบตรงไปตรงมา
โตโน่และณิชาเริ่มต้นด้วยความเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมกัน จากการทำงานร่วมกันในซีรีส์และกิจกรรมต่าง ๆ ของช่อง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีใครออกตัวแรง ต่างฝ่ายต่างให้เกียรติและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นคู่รักที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในวงการบันเทิง
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้แฟน ๆ ชื่นชมความรักของคู่นี้คือ ความจริงใจและความเรียบง่าย โตโน่และณิชาไม่เคยเป็นคู่รักที่หวือหวา ไม่มีภาพสวีตออกสื่อบ่อยครั้ง แต่กลับมีความเข้าใจและอยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตเสมอ โดยทั้งสองมักจะกล่าวอยู่เสมอว่า “ความสัมพันธ์ของเราคือการเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คาดหวังอนาคต แค่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกัน”
โตโน่มีอายุห่างจากณิชาถึง 10 ปี แต่ช่องว่างของวัยไม่เคยเป็นอุปสรรค ทั้งคู่สามารถปรับจูนความคิดเข้าหากันได้อย่างลงตัว ณิชาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอเป็นคนใจร้อน แต่โตโน่กลับเป็นคนใจเย็น ซึ่งช่วยปรับสมดุลความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี
ความรักของทั้งคู่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของคนสองคน แต่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รับรู้และให้การสนับสนุน โตโน่สนิทสนมกับคุณแม่ของณิชา เช่นเดียวกับที่ณิชาเองก็ใกล้ชิดกับคุณแม่ของโตโน่ ความอบอุ่นในระดับครอบครัวนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความมั่นคงในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
แม้จะไม่ได้ใช้สถานะว่า “แฟน” อย่างเป็นทางการในช่วงแรก แต่ทั้งคู่ก็แสดงออกถึงความมั่นคงและเชื่อมั่นในกันและกันมาโดยตลอด กระทั่งในปี 2564 ณิชาให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับเธอ คำว่า “แฟน” ไม่มีความหมายอะไรมากนัก เพราะความรู้สึกที่แท้จริงสำคัญกว่า “คำพูด” ความสัมพันธ์ของคนสองคนควรยืนอยู่บนความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และการซัพพอร์ตกันมากกว่า
ในช่วงที่โตโน่มีภารกิจว่ายน้ำข้าม 12 เกาะ เพื่อการกุศล ณิชาก็อยู่เคียงข้างให้กำลังใจเขา แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์ในสังคมก็ตาม และเมื่อต่อมา โตโน่มีภารกิจใหญ่ระดับชาติอย่างการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง ซึ่งเกิดกระแสดราม่าและแรงต้านจากหลายฝ่าย ณิชาก็ยังคงยืนอยู่ข้างเขา ไม่เปลี่ยนแปลง
แต่เพราะความที่ทั้งคู่ไม่ได้ติดกันเป็นเงา และไม่ค่อยมีภาพหวานออกสื่อบ่อย ๆ แฟน ๆ หลายคนก็เริ่มกังวล และสงสัยว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจจะมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มีข่าวลือ ณิชามักจะโพสต์ภาพหรือโมเมนต์หวาน ๆ ที่สยบข่าวลือเหล่านั้นได้เสมอ
แม้ในช่วงที่ณิชาต้องเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่องระยะทาง ไม่มีข่าวระแคะระคายใด ๆ หลุดออกมา มีเพียงแต่ความเชื่อมั่นและให้เกียรติซึ่งกันและกันเท่านั้น
กระทั่งเมื่อกลางปี 2567 โตโน่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่ายังไม่พร้อมแต่งงานกับณิชา โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับ “ปัญหาฝุ่น PM2.5” ซึ่งกลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาในโลกออนไลน์ เพราะหลายคนมองว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังดูไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง อย่างไรก็ตาม ณิชาได้ออกมาชี้แจงภายหลังว่า จริง ๆ แล้วคำพูดดังกล่าวเป็นความคิดเห็นของเธอเอง เพราะเธอรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมในประเทศยังไม่เอื้ออำนวยต่อการมีลูกหรือสร้างครอบครัว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ผู้จัดการส่วนตัวของโตโน่ได้ออกมาเปิดเผยว่า โตโน่และณิชา “ได้ห่างกันไปแล้ว” ก่อนที่โตโน่จะเริ่มสนิทสนมกับผู้ช่วยสาวคนหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นข่าวที่ถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้
ย้อนกลับไปเพียงสามสัปดาห์ก่อนหน้า (วันที่ 20 มีนาคม 2568) โตโน่และณิชายังเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของฝ่ายหญิงที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีภาพถ่ายร่วมกับครอบครัวของณิชา ซึ่งคุณแม่ของณิชาเป็นผู้โพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ยังคงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นอยู่ในเวลานั้น
ดังนั้น ข่าวการ “ห่างกัน” ที่เกิดขึ้นจึงสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนคลับและสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก หลายคนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และความสนิทสนมกับผู้ช่วยสาวเป็นสาเหตุหลักหรือเพียงแค่ผลจากความห่างเหินที่สะสมมานาน
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ความรักของโตโน่และณิชาได้กลายเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของความสัมพันธ์ในวงการบันเทิง ที่แม้จะดูมั่นคง แข็งแรง และมีความเข้าใจกันดีแค่ไหน ก็อาจมีวันที่ต้อง “ห่างกัน” เพราะเหตุผลที่เกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
แม้จะมีความเสียดายจากแฟน ๆ แต่ก็ยังมีเสียงเชียร์และให้กำลังใจทั้งสองคนในการเดินหน้าต่อในเส้นทางของตัวเอง เพราะความรักไม่จำเป็นต้องจบลงที่ “แต่งงาน” หรือ “อยู่ด้วยกันตลอดไป” หากแต่คือการได้เรียนรู้ เติบโต และมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกันตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
อ้างอิงจาก: ไทยรัฐบันเทิง



















