รีวิวหนัง "Queer" รักหลง จมหลอน เส้นชีวิตบิดเบี้ยว...ดำดิ่งความเดียวดาย และตายอย่างโดดเดี่ยว
“Queer” (เควียร์) ไม่ใช่แค่หนังรักเอยเตยหวาน...แต่อาจเป็นความเหงาหลอนสุดหยั่งลึกในจิตใจ!
“รักใครบางคนมากจนอยากจะหลอมรวมเป็นคนเดียวกัน แต่เขากลับมองเราเป็นแค่ ‘เพื่อนร่วมทาง’ ...โอ๊ย น้ำตาจะกระเด็น!”
ถ้าคุณคิดว่า "Queer" (เควียร์) จะเป็นหนัง LGBTQ+ หวานๆ หรือความรักแบบอีโมนิดๆ — ลืมไปได้เลย! เพราะ Luca Guadagnino พาเราไปไกลกว่านั้น...ไกลแบบลึกถึงหลอนในหัวใจและหมอกแห่งจิตวิญญาณเลยจ้าาา
"Queer" เป็นภาพยนตร์ดราม่าแนวโรแมนติกที่กำกับโดย Luca Guadagnino และออกฉายในปี 2024 โดยดัดแปลงจากนวนิยายกึ่งอัตชีวประวัติของ William S. Burroughs ที่ตีพิมพ์ในปี 1985 ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากหลังเป็นเม็กซิโกซิตี้ในช่วงทศวรรษ 1950 และติดตามชีวิตของ William Lee (รับบทโดย Daniel Craig) ชาวอเมริกันที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและต่อสู้กับการเสพติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับ Eugene Allerton (รับบทโดย Drew Starkey) อดีตทหารหนุ่มที่เพิ่งมาถึงเมือง ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เต็มไปด้วยความปรารถนา และการค้นหาตัวตน (แต่จะเจอไหม ? ยังไงซิ ?)
การแสดงของ "Daniel Craig" (แดเนียล เคร็ก) ในบท William Lee ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมและท้าทายที่สุดในอาชีพของเขา เขาสามารถถ่ายทอดความเปราะบางและความซับซ้อนของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง ขอชื่นชมการแสดงที่เข้มข้นและดิบของ Craig
ส่วน "Joseph Andrew Starkey" หรือ "Drew Starkey" (ดรูว์ สตาร์คีย์) …คือไม่ต้องพูดเยอะ แค่มีเขาเดินไปเดินมาอยู่ในหนังเท่านั้นก็รู้สึกว่าค่าตั๋วคุ้มแล้วจ้า ความเซ็กซี่ ความเย้ายวนทะลุจอจริงๆ คนอะไรหล่อวัวหลับสบายหล่อควายเป็นลม แต่หากมองผ่านความหล่อเหลาชำเราใจไป เขาคือหนึ่งในนักแสดงหนุ่มที่มีฝีมือเด็ดดวงน่าจับ... ตาจริงๆ
บางคนอาจจะรู้สึกว่าภาพยนตร์มีความยืดยาดและซับซ้อนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่มีฉากหลอนและสัญลักษณ์ที่ยากต่อการตีความ แต่บางคนก็ชื่นชมความกล้าหาญในการนำเสนอเนื้อหาและการกำกับที่โดดเด่นของ Guadagnino ซึ่งในความคิดของแอดมันหมุนหัวมากจริงๆ
หลายคนดูแล้วงงเบอร์แรง — ไม่ใช่เพราะมันแย่ แต่มัน ลึก มากกกก ยิ่งครึ่งหลังของเรื่องที่เริ่มพาไปเข้าป่า, ภาพหลอน, งูกินหาง, และการหลอมรวมร่าง โอ๊ยแม่!! อะไรคือความจริง อะไรคือภาพในหัว Lee กันแน่!?
แต่เดี๋ยวก่อน...ถ้าแกะดีๆ นี่แหละคือหัวใจของหนัง! เพราะ…
"Queer ไม่ใช่หนังที่ต้องเข้าใจด้วยสมอง แต่ต้องรู้สึกด้วยหัวใจที่เปลือยเปล่า"
** คำเตือน ** เนื้อหาเหล่านี้อาจมีส่วนของการสปอยล์เนื้อเรื่องบางส่วนของหนัง หากใครไม่พร้อมยังไม่ได้รับชมกรุณากดข้าม เอ้ย หยุดอ่านไปได้เลย
สัญลักษณ์หลอนแต่ล้ำ ใครดูผ่านๆ ก็อาจไม่เก็ต!
1. ปืนของ Lee
ไม่ใช่แค่ของไว้ยิง...แต่มันคือ "ของที่ยึดไว้แน่นเพราะกลัวใจพัง" คืออาวุธที่ให้ความรู้สึกคุมชีวิตได้ในโลกที่ควบคุมอะไรไม่ได้เลย (โอ๊ย อิน)
2. ฉากในโรงหนังดู Orphée
มือที่เอื้อมไปหาคนรักแล้วหายวับไป = สัญลักษณ์แห่ง “ความรักที่เอื้อมถึงแต่คว้าไม่ได้”
3. การใช้ยา
เหมือนความรักที่เสพติด — ทั้งเฮโรอีน และ Allerton ต่างทำให้ Lee “high” แล้วก็ดิ่งลงเหวพอหมดฤทธิ์
4. ตะขาบ & อูโรโบรอส
ตะขาบ = ความเจ็บปวดจากการต้องกดทับตัวตน
งูกินหาง = วงจรชีวิตที่วนลูป ทั้งรัก-หลง-เจ็บ-หลอน-ทำลายตัวเอง
5. ฉากสุดท้าย
Lee ยิงแก้วเหนือหัว Allerton = ความทรงจำที่ย้อนกลับมาฆ่าใจซ้ำๆ และอาจสะท้อนเรื่องจริงที่ William S. Burroughs (เจ้าของบทประพันธ์) เคยฆาตกรรมภรรยาตัวเองที่สุดท้ายถูกตีความว่าเป็นอุบัติเหตุด้วย...
แล้วคนดูงงอะไรกันนักหนา?
งงว่า อันไหนจริง อันไหนหลอน (ตอบ: บางทีก็ทั้งสองอย่าง)
งงว่า ความสัมพันธ์นี้คืออะไรกันแน่ (ตอบ: มันคือรักข้างเดียวที่เสพติดพอๆ กับยา)
งงว่า ทำไมต้องเศร้าขนาดนี้ (ตอบ: เพราะมันคือจิตใจที่พังและไม่มีใครรับฟัง)
งงว่า ถึงแม้จะรับรู้ตีความหมายของสัญลักษณ์ได้บ้าง เน้นว่าบ้างนะ เพราะน้อยนักที่จะเดาได้ แต่ก็ยังไม่สามารถนำพาตัวเองปะติดปะต่อเรื่องราวนั้นได้
ปรัชญาชีวิตที่ได้จาก Queer
- ความรักที่ไม่สมหวัง = ยาเสพติดชนิดหนึ่ง
- ความรักความหลงมันทำให้ใจพองโต...ก่อนจะถูกปล่อยให้ร่วงลงมาจนแตกสลาย
- เราพยายามมากเกินไปเพื่อคนที่ไม่ได้อยากให้เราพยายามเลย
- คือความเจ็บแบบเงียบๆ แต่เฉือนลึก
- ไม่มีอะไรเจ็บเท่ากับการพยายามเชื่อมต่อกับใครบางคน...แล้วเขาไม่ยอมเชื่อมกับเรา
- บางครั้ง...การเดินทางเพื่อ “ค้นหาอะไรบางอย่าง” อาจจบด้วยการ “เจอแต่ตัวเองที่หลงทาง”
สรุปสั้นๆ แบบคนดูแล้วอิน
“Queer” คือหนังที่ดูแล้วรู้สึกเหมือนหลงป่าในใจตัวเอง ทั้งภาพหลอน ความรักที่พัง จิตใจที่เปราะบาง และอดีตที่ไม่เคยปล่อยให้เราก้าวไปข้างหน้า
มันไม่ใช่หนังที่ให้คำตอบ...แต่มันคือกระจกที่สะท้อนว่าเราทุกคนเคย “วิ่งตามใครบางคนในฝัน...แล้วตื่นขึ้นมาเหนื่อยล้าแบบไม่มีอะไรเลย”
สายไหนควรดู?
สายวิเคราะห์จัด เพราะมีของให้แกะเยอะจนตาแตก
สายดราม่าลึก จงเตรียมทิซชูไว้ซับน้ำตา
สายอินความรักพังๆ โดนใจแน่นอน
สายดูหนังเอางง สนุกแน่! แต่หลังดูควรมีเพื่อนให้ปรึกษา ได้มีเรื่องให้คุยยาวๆ แน่นอน
โดยรวมแล้ว "Queer" เป็นภาพยนตร์ที่ท้าทายและกระตุ้นความคิด นำเสนอการแสดงที่น่าจดจำจาก Daniel Craig และการกำกับที่มีเอกลักษณ์ของ Luca Guadagnino แม้ว่าการดำเนินเรื่องอาจไม่เหมาะกับผู้ชมทุกคน แต่สำหรับผู้ที่สนใจสำรวจธีมของความปรารถนา ความเหงา และการเสพติด ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่ควรค่าแก่การรับชม
จะให้ดี...หลังดู "Queer" แล้ว ลองถามใจตัวเองดูว่า...
“เรากำลังหลงรักใครบางคนอยู่...หรือหลงทางอยู่ในตัวเองกันแน่?”









