สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 125% ตอบโต้จีนขึ้นภาษี 84%
เมื่อไม่นานมานี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศมาตรการทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ โดยออกคำสั่งให้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอัตราสูงถึง 125% โดยให้มีผลบังคับใช้ในทันที การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้การดำเนินมาตรการภาษีของจีน ที่เพิ่งประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 84%
นายทรัมป์ได้กล่าวถึงเหตุผลเบื้องหลังการดำเนินมาตรการดังกล่าวว่า “จีนควรตระหนักว่านโยบายที่มุ่งเน้นการขูดรีดสหรัฐฯ หรือประเทศอื่น ๆ นั้น ไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืนและไม่อาจยอมรับได้ในระยะยาว” พร้อมแสดงความหวังว่า วันหนึ่งจีนจะปรับเปลี่ยนแนวทางให้เป็นธรรมมากยิ่งขึ้นในเวทีการค้าโลก
การเผชิญหน้าทางภาษีระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจสะท้อนถึงสถานการณ์ “สงครามการค้า” ที่ยังคงตึงเครียด และอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจโลก ไม่เพียงแต่กระทบต่อราคาสินค้าและต้นทุนการผลิตของผู้บริโภคทั้งสองประเทศ หากแต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ประเด็นที่น่าสนใจจากกรณีนี้ ได้แก่
– การใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือในการต่อรองด้านการค้า
– การแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศอาจขยายวงกว้างสู่ภาคอื่น ๆ
– ผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าและประเทศกำลังพัฒนาในห่วงโซ่การผลิต
– ความจำเป็นในการจัดทำข้อตกลงทางการค้าแบบทวิภาคีหรือพหุภาคีเพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่ยืดเยื้อ
การดำเนินมาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นนี้ แม้จะเป็นแนวทางที่แสดงจุดยืนอย่างเข้มแข็ง แต่ก็อาจนำมาซึ่งผลเสียต่อภาคธุรกิจและประชาชนในวงกว้าง การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและการเจรจาอย่างเป็นระบบอาจเป็นทางออกที่ยั่งยืนมากกว่าในระยะยาว















