ภาษีนำเข้าของมะกันส่งผลกระทบร้ายแรง ต่อเศรษฐกิจเกิดใหม่ของเอเชีย
แผนการของประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้นำของอเมริกา ที่จะจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ กับเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียในอัตราที่สูงมากๆ คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ เนื่องจากการส่งออกไปยังอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนที่สำคัญของการส่งออกทั้งหมด
รัฐบาลของประเทศเหล่านี้ มีแผนที่จะขอให้รัฐบาลอเมริกา ลดภาษีนำเข้าสินค้า แต่ยังไม่ทราบว่าอเมริกา จะตอบสนองอย่างไร ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ โดยบริษัทต่างๆ ที่มีฐานการผลิตในประเทศเหล่านี้ อาจต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่
ในการประกาศอัตราภาษีศุลกากรแบบตอบแทน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการให้ความสนใจกับอัตราภาษีศุลกากรสูง ที่เรียกเก็บจากเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย โดยอัตราภาษีศุลกากรของกัมพูชา ได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 49% และเวียดนามได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 46% เนื่องจากต้นทุนแรงงานในประเทศเหล่านี้ ต่ำกว่าในญี่ปุ่น อเมริกา และ ประเทศในยุโรป จึงเป็นศูนย์กลางการผลิตหลัก สำหรับผู้ผลิตเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้าและสินค้าอื่นๆจำนวนมาก ที่ผลิตในประเทศเหล่านี้ ถูกส่งออกไปยังอเมริกาและตลาดอื่นๆ โดยบริษัทใหญ่ๆของอเมริกา เช่น Nike, Inc. และ Gap Inc. รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น เช่น Fast Retailing Co. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Uniqlo ได้ขยายฐานการผลิตในประเทศเหล่านี้
นอกจากนี้ ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรของญี่ปุ่น ยังได้ตั้งฐานการผลิตในประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร MinebeaMitsumi Inc. มีโรงงานในกัมพูชา เวียดนาม ไทย และอินเดีย รวมถึงประเทศอื่นๆ และ ส่งออกผลิตภัณฑ์จากเอเชียไปยังอเมริกา บริษัท "MinebeaMitsumi" กล่าวว่า "ตอนนี้กำลังตรวจสอบผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรต่อธุรกิจของเรา"
บริษัทจีนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ย้ายศูนย์การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากจีน ไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถส่งออกสินค้าไปยังอเมริกา จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ เพื่อตอบสนองต่อข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของอเมริกา เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากจีน
การตอบสนองของประเทศที่ได้รับผลกระทบ
การส่งออกจากประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียไปยังอเมริกา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากบริษัทญี่ปุ่น ยุโรป และจีนเข้ามาในภูมิภาคนี้ ซึ่งทรัมป์ซึ่งมองว่าการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลของอเมริกาเป็นปัญหา อาจมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นการ "ปล้น" ความมั่งคั่งจากอเมริกา
หากการส่งออกไปอเมริกาลดลง เศรษฐกิจจะถดถอยทันที ดังนั้น รัฐบาลของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจึงเร่งดำเนินการเพื่อรับมือกับผลกระทบ
รัฐบาลเวียดนามเสนอให้อเมริกา เลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากร ตอบโต้กับเวียดนามออกไปชั่วคราวเป็นเวลา 1 ถึง 3 เดือน โดยอเมริกา เป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นประมาณ 30% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของเวียดนามที่ 405,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2024
ผู้นำระดับสูงของเวียดนาม และ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์โตลัม กล่าวในการเจรจาทางโทรศัพท์กับทรัมป์ว่า "เวียดนามพร้อมที่จะเจรจาเพื่อลดภาษีสินค้าจากอเมริกาลงเป็นศูนย์"
อเมริกาถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย โดยนายกรัฐมนตรี "แพทองธาร ชินวัตร" ผู้นำของประเทศไทย ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า "ผู้ส่งออกของไทยควรแสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดียว" และยังแนะนำให้กระจายแหล่งส่งออกไปยังตลาดอื่นด้วย...
อินเดียได้เริ่มการเจรจากับอเมริกาแล้ว โดยคณะผู้แทนจากสำนักงานผู้แทนการค้าอเมริกา ได้เดินทางเยือนอินเดียเมื่อปลายเดือนมีนาคม และ หารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าทวิภาคี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดียกล่าวว่า "อินเดียคาดว่าจะเดินหน้าการเจรจาต่อไป ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" ซึ่งเชื่อกันว่าอินเดียตั้งเป้าที่จะลดภาษีศุลกากร เพื่อแลกกับการลดภาษีศุลกากรสินค้า ที่นำเข้าจากอเมริกา...

















