บุญตาทำชานมใส่น้ำแข็งไหม? คนไทยรู้จักน้ำแข็งครั้งแรกเมื่อไหร่?
หลังจากที่ดูละครย้อนยุคเรื่อง “คุณพี่เจ้าขา..ดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์” ตอนที่ 21 มีช่วงหนึ่งที่นางเอก (แม่บุญตา) ทำชานมไข่มุกให้คนอื่นๆ ลองชิม แล้วก็ได้แต่สงสัยว่าคนสมัยก่อนนั้นเขาหาน้ำแข็งจากที่ไหนมาใส่ชานมไข่มุกกินกัน เราจึงไปหาข้อมูลบางส่วนและรวบรวมมาอีกทีว่าคนไทยในสมัยก่อนเขารู้จักน้ำแข็งกันตั้งแต่ช่วงไหน และใครเป็นคนคิดค้นการทำน้ำแข็งคนแรกในประเทศไทย
คนไทยรู้จักน้ำแข็งในช่วงรัชกาลที่ 4 คาดว่าน่าจะช่วงเวลาปี พ.ศ. 2405-2411 น้ำแข็งก้อนแรกของไทยเข้ามาในไทยครั้งแรกด้วยเรื่อกลไฟที่ชื่อว่า ‘เจ้าพระยา’ ของพระภาษีสมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม พิศลยบุตร) ซึ่งเดินทางมาจากสิงคโปร์ (แต่ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าน้ำแข็งเหล่านั้นถูกผลิตในประเทศสิงคโปร์หรือไม่) โดยใส่มาในหีบไม้ฉำฉาและกลบด้วยขี้เลื่อยเพื่อรักษาอุณหภูมิเอาไว้
ภาพจำลองการนำเข้าของลังน้ำแข็งสมัยรัชกาลที่ 4
คนไทยเริ่มผลิตน้ำแข็งใช้เองได้ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 โดยโรงน้ำแข็งแห่งแรกของไทยมีชื่อว่า ‘น้ำแข็งสยาม’ ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง โดยพระยาภักดีนรเศรษฐ (เลิศ เศรษฐบุตร) ซึ่งชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าโรงน้ำแข็งนายเลิศ หลังจากที่คนไทยผลิตน้ำแข็งเองได้ ความนิยมในการบริโภคน้ำแข็งจึงเริ่มแพร่หลายมากขึ้น และมีการตีพิมพ์โฆษณาน้ำแข็งลงในหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์ ( The Bangkok Times) ตั้งแต่ปี 2432 โดยบริษัทแอนเดอร์สันอีกด้วย
ในเรื่องคุณพี่เจ้าขา..ดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์เป็นเรื่องราวในช่วงรัชกาลที่ 3 ดังนั้น ชานมไข่มุกของบุญตาจะเป็นชานมเปล่าๆ ไม่มีน้ำแข็งเหมือนในปัจจุบันแน่นอน แม้ในตอนนั้นคนไทยยังไม่รู้จักกับน้ำแข็ง แต่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 คนไทยสามารถทำน้ำเย็น หรือสามารถกักเก็บความเย็นของน้ำได้แล้ว โดยเฉพาะน้ำจำพวกน้ำเมาอย่างแชมเปญจ์ โดยใช้ดินประสิวและเกลือในการกักเก็บความเย็นของน้ำ ดินประสิวจะช่วยทำให้อุณหภูมิของน้ำลดต่ำลง ส่วนเกลือจะช่วยลดจุดเยือกแข็งของน้ำ ซึ่งวิธีนี้ถูกบันทึกโดยคุณ เฟรดเดอริก อาร์เธอร์ นีล ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 นั่นเอง
ที่มาของข้อมูล
รูปจำลองลังน้ำแข็ง : https://khunnaiver.blogspot.com/2019/02/The-first-original-ice-cube-in-Thailand.html
ประวัติความเป็นมาของน้ำแข็งในไทย : https://krua.co/food_story/history-of-ice-in-thailand
การทำน้ำเย็นของคนไทยในสมัยก่อน : https://www.silpa-mag.com/history/article_51395










