ทหารอากาศปล้นทอง! โจรชิงทอง 160 บาท ห้างดังอยุธยาถูกจับแล้ว
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2558 เวลา 18.30 น. เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตกใจให้กับผู้ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทองจากร้านทองในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชียหลักกิโลเมตรที่ 1 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะเกิดเหตุคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปยังจุดที่ได้เตรียมรถยนต์กระบะไว้ จากนั้นจึงขับรถหลบหนีไปในทิศทางที่ไม่สามารถตามตัวได้ทันที โดยทรัพย์สินที่คนร้ายได้ชิงไปคือ สร้อยคอทองคำจำนวน 12 เส้น รวมมูลค่าทองทั้งหมดประมาณ 7.8 ล้านบาท
การเก็บข้อมูลและการขยายผลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งดำเนินการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุทันที โดยการตรวจสอบจาก ภาพวงจรปิด (CCTV) ที่สามารถจับภาพการก่อเหตุของคนร้ายได้ และได้พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำของคนร้ายที่ก่อเหตุไว้ในเวลานั้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ติดตามและขยายผลตามพฤติกรรมของคนร้ายอย่างต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน (22 มีนาคม 2558) คนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะไปจอดที่ลานจอดรถใกล้กับห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นเพื่อทำการ สังเกตการณ์และดูการเดินทางเข้าออกของผู้คนในห้าง โดยคาดการณ์ว่าคนร้ายได้วางแผนการก่อเหตุอย่างรอบคอบ เพื่อให้การชิงทรัพย์เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ในวันที่เกิดเหตุ 23 มีนาคม 2558 คนร้ายได้จอดรถยนต์กระบะในที่เดิม และเลือกที่จะเดินเท้าเข้าไปที่ร้านทองภายในห้างเพื่อทำการก่อเหตุการชิงทรัพย์ โดยได้ใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานของร้านทอง ก่อนที่จะชิงทองรูปพรรณที่มีมูลค่ามากมาย ซึ่งจำนวนทองที่ได้ไปคือ 12 เส้น และเมื่อได้ทองมาแล้ว คนร้ายก็ใช้วิธีการเดินเท้าออกจากร้านทองและเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดรออยู่ใกล้กับจุดที่จอดรถกระบะของตนเอง
การสืบสวนและการตามล่าตัวคนร้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลจากหลักฐานที่มีอยู่ พร้อมทั้งได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของ รถยนต์กระบะคันต้องสงสัย ซึ่งเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ หลังจากการสืบสวนและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ทางตำรวจสามารถ ระบุตัวผู้ต้องสงสัย และพบว่า พันจ่าอากาศ วรพจน์ อายุ 43 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ โดยมีความเชื่อว่าเขามีปัญหาทางด้านการเงินและหาทางออกด้วยการชิงทรัพย์
จากการสอบสวนในเบื้องต้น พันจ่าอากาศ วรพจน์ ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า เขามีปัญหาหนี้สินและพยายามหาทางกู้เงินเพื่อมาชำระหนี้ แต่ไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้จนถึงจุดที่ท้อแท้และตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์เขาได้ แวะเข้าห้องน้ำ ที่ห้างสรรพสินค้าและพบว่ามีร้านทองภายในห้างเข้าออกได้สะดวก เขาจึงใช้โอกาสนี้ในการคิดแผนและตัดสินใจที่จะก่อเหตุชิงทองในที่สุด
การจับกุมและการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ
พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ได้เปิดเผยว่า กองทัพอากาศ ได้รับการประสานงานจากตำรวจ สถานีตำรวจพระอินทร์ราชา เพื่อขอรับการสนับสนุนในการเข้าร่วมปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีชิงทรัพย์ที่เกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารอากาศได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการติดตามตัวพันจ่าอากาศ วรพจน์ จนพบว่าเขาหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการจับกุมที่บ้านพักของผู้ต้องสงสัย และสามารถควบคุมตัว พันจ่าอากาศ วรพจน์ ได้สำเร็จ พร้อมตรวจยึด ของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งรวมถึง ทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง, อาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ, และรถยนต์ที่ใช้ในการหลบหนี
หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวพันจ่าอากาศ วรพจน์ พร้อมของกลางทั้งหมดให้กับ สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป โดยมีการตั้งข้อหาหลายข้อหาด้วยกัน อาทิ การชิงทรัพย์, การใช้ปืนขู่กรรโชกทรัพย์, และการหลบหนีจากการจับกุม
กรณีนี้เป็นตัวอย่างของการร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอากาศในการปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ได้ก่อเหตุอุกอาจ โดยเฉพาะในเรื่องของการก่อเหตุที่มีความรุนแรงและสร้างความเสียหายอย่างมากในภาคเศรษฐกิจ















