ชวนมาทำความรู้จักกับสุสานยานอวกาศ “POINT NEMO” จุดที่อยู่ห่างไกลกับแผ่นดินโลกมากที่สุด
“Point Nemo” เป็นสถานที่ที่อยู่ห่างจากแผ่นดินโลกมากที่สุด ถูกค้นพบโดยคุณ Hrvoje Lukatela วิศวกรสำรวจชาวโครเอเชีย-แคนาดา เมื่อปี 1992 ซึ่งคำว่า “Nemo” มาจากภาษละตินที่แปลว่า “ไม่มีใคร” นอกจากนี้ยังเป็นชื่อของ กัปตันนีโม ตัวละครในนิยาย ของจูลส์ เวิร์นซึ่งเดินทางข้ามมหาสมุทรด้วยเรือดำน้ำ Nautilus ในนิยายผจญภัยแนววิทยาศาสตร์ของเวิร์นเรื่อง Twenty Thousand Leagues Under the Seas (1870) และ The Mysterious Island (1875)
Point Nemo ตั้งอยู่ที่ละติจูดประมาณ 48°52.6′S 123°23.6′W ในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ และอยู่ห่างจากแผ่นดินที่ใกล้ที่สุดประมาณ 2,688 กิโลเมตร (1,670 ไมล์) สถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เนื่องจากตั้งอยู่ที่ใจกลางของ Southern Pacific Gyre แอ่งน้ำวนแปซิฟิกใต้ทำให้สารอาหารไม่สามารถไหลเข้าสู่บริเวณดังกล่าวได้ และอีกกรณีคือสถานที่แห่งนี้อยู่ไกลจากแผ่นดินโลกมาก และการที่จะไปที่ Point Nemo ได้จะต้องเดินทางไปทางเรือเท่านั้น ซึ่งมันอาจจะใช้เวลาถึงสองสัปดาห์กว่าจะถึงที่นั่น ส่วนมนุษย์ที่อยู่ใกล้จุดนีโมที่สุดมักจะเป็นนักบินอวกาศที่อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS)ซึ่งเมื่อพวกเขาบินผ่านจุดนีโมโดยตรง พวกเขาก็อยู่ห่างออกไปเพียง 258 ไมล์ (415 กิโลเมตร) ซึ่งใกล้กว่ามนุษย์คนอื่นๆ บนโลก
เนื่องจากจุดของ Point Nemo อยู่ห่างไกลจากแผ่นดินโลกมาก ที่แห่งนี้จึงได้กลายมาเป็น “สุสานยานอวกาศ” สำหรับดาวเทียมและยานอวกาศที่ออกจากวงโคจรสู่โลกเมื่อสิ้นอายุการใช้งานโดยไม่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และระบบนิเวศทางทะเล
เดิมที่สถานที่แห่งนี้เป็นที่สำหรับดาวเทียมและยานอวกาศที่ถูกปลดประจำการตั้งแต่แรกแล้ว โดยมีรายงานว่าหน่วยงานด้านอวกาศเริ่มใช้ Point Nemo เป็นสุสานยานอวกาศตั้งแต่ช่วงปี 1970 ก่อนที่พื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการขนานนามว่า "Point Nemo" ด้วยซ้ำ ขณะที่ยานอวกาศขนาดเล็กจำนวนมากที่ปลดระวางจะสลายตัวและเผาไหม้เมื่อกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก แต่ถ้ายานอวกาศมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะเผาไหม้ได้เอง ยานอวกาศเหล่านั้นจะถูกชนที่ Point Nemo โดยตั้งใจ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือเขตอำนาจศาลของประเทศใดๆ เป้าหมายของการออกจากวงโคจรคือเพื่อป้องกันไม่ให้ขยะอวกาศชนกับดาวเทียมที่ใช้งานได้ หรือยานอวกาศที่มีมนุษย์โดยสารในวงโคจรต่ำของโลก
มียานอวกาศมากกว่า 263 ลำที่ถูกส่งไปยัง Point Nemo ใช่วงปี 1971 ถึง 2016 ซึ่งรวมถึงสถานีอวกาศ Mir ของรัสเซีย (1986-2001) สถานีอวกาศ 6 สถานีจากโครงการสถานีอวกาศแห่งแรกของรัสเซีย Salyut (1971-1986) และซากสถานีอวกาศสกายแล็บของ NASA (1973-1979)
นอกจากนี้ยังมีเศษซากอวกาศอื่นๆ ในสุสานยานอวกาศ Point Nemo อีกมากมาย ได้แก่ ยานอวกาศของสำนักงานอวกาศยุโรป (ESA) และองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) ยานลำเลียงเสบียงของรัสเซียประมาณ 140 ลำ และจรวด SpaceX คาดว่าสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) จะตกที่ Point Nemo หลังจากปลดระวางในปี 2028-2030
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินโลก และอยู่ห่างไกลจากมนุษย์มากกว่าสองพันกว่ากิโลเมตร การที่วัตถุจากอวกาศถูกทิ้งลงมาที่แห่งนี้อาจไม่ส่งผลกระทบอะไรกับมนุษย์โดยตรง แต่ทว่าวัตถุเหล่านั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลได้ แม้ว่ายานอวกาศส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นมาด้วยโลหะที่ไม่เป็นพิษ เช่น สเตนเลส ไททาเนียม หรืออลูมิเนียม แต่ก็เชื่อกันว่าสารที่อยู่ในเชื่อเพลิงนั้นอาจจะก่อให้เกิดมลภาวะที่เป็นพิษได้ และถ้ามันรั่วไหลขึ้นมานั่นก็อาจจะส่งผลกระทบอันร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ได้









