รีวิวหนังดัง SPEED เร็วกว่านรก
คำถาม : รถเมล์วิ่ง 50 ไมล์ต่อชั่วโมงขึ้นไปแล้ว ชนวนระเบิดจะทำงาน หากความเร็วลดต่ำลงกว่านั้น มันจะระเบิด คุณจะทำอย่างไร ?
ผลงาน Action มันระห่ำในยุค 90 ผลงานการกำกับโดย Jan De Bont กับการไล่ล่าและทำงานแข่งกับเวลาแสนจะกดดันและบีบคั้นสุดระทึกไปกับ Keenu Reeves พระเอกผู้สร้างตำนานกับภาพยนตร์หลายเรื่องที่ชวนจดจำ
เรื่องย่อ
Jack Traven ตำรวจฝีมือดีได้หยุดยั้งเหตุวางระเบิดลิฟต์ใน Office ได้สำเร็จ ทำให้แผนเรียกค่าไถ่ 3.7 ล้านเหรียญของ Howard Payne ล้มไม่เป็นท่า Howard จึงอยากแก้มือด้วยแผนเรียกค่าไถ่จากการระเบิดลิฟต์มาเป็นระเบิดรถเมล์แทน
โดยรถเมล์วิ่ง 50 ไมล์ต่อชั่วโมงขึ้นไปแล้ว ชนวนระเบิดจะทำงาน หากความเร็วลดต่ำลงกว่านั้น มันจะระเบิด การควบคุมสถานการณ์จึงทำได้ยากกว่า อีกทั้งเวลาที่ต้องจ่ายเงินค่าไถ่ก็สั้นกว่าครั้งก่อนด้วย
Jack หาทางขึ้นไปบนรถเมล์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และผู้โดยสารทั้งหมดต้องปลอดภัย โชคดีที่มี Annie หญิงสาวผู้โดยสารคนหนึ่งที่ขับรถเมล์เป็น ซึ่งช่วยให้ทุกอย่างมีหวังมากขึ้น
นักแสดงนำ
- Keanu Reeves รับบทเป็น Jack Traven
- Sandra Bullock รับบทเป็น Annie
- Dennis Hopper รับบทเป็น Howard Payne
- Joe Morton รับบทเป็น McMahon
- Joe Morton รับบทเป็น McMahon
- Jeff Daniels รับบทเป็น Harry
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.ความสนุกของหนังเรื่องนี้เดาทางได้ไม่ยาก มันคือฉากขับรถพร้อมๆกับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่แสนจะกดดัน จุดขายของเรื่องนี้จึงเป็นกิมมิกเฉพาะที่หนังเรื่องอื่นเลียนแบบไม่ได้
2.ด้วยความระทึกของเรื่อง เราจะได้เห็นการขบคิดระหว่างตำรวจในการพยายามแก้ปัญหา ซึ่งบอกได้เลยว่ามัน make sense เป็นไปได้จริง แม้องค์ประกอบของเรื่องอย่างตัวรถเมล์ VDO บันทึกภาพจะดูล้าสมัยเอามากๆ แต่การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างชาญฉลาดก็นับว่าโอเคมากๆเลย
3.การเฉือนคมระหว่างตำรวจและมือวางระเบิดน่าสนใจขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่า Howard Payne คืออดีตตำรวจผู้เชี่ยวชาญระเบิด เกษียณอายุไปพร้อมกับความทุพพลภาพของนิ้วมือจากแรงระเบิด และนี่คือแรงขับดันของวายร้ายที่น่าสนใจจากการแสดงของ Dennis Hopper
4.การแสดงของ Keenu Reeves ก็นับว่าโดดเด่นไม่น้อย แบกหนังทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ เขานำพาสีสันและความเท่มาดตำรวจในการจัดการกับปัญหาตรงหน้า แถมเคมียังเข้ากันได้ดีกับ Sandra Bullock ในบท Annie แน่นอนว่าหนังแทบไม่มีช่วงน่าเบื่อเลย
5.หนังพยายามหาประเด็นให้เราสนุกตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นฉากเปิดเรื่องในการกอบกู้ระเบิดที่ตัวลิฟต์พร้อมกับช่วยชีวิตพนักงาน Office ตามด้วยการเข้าเรื่องหลักในรถเมล์โดยสาร และยังไม่จบแค่นั้น ยังแถมฉากรถไฟฟ้าใต้ดินให้ได้สนุกกันต่อยาวๆ นับเป็นความทะเยอทะยานในการสร้างหนังยุคนั้นที่ต้องจัดวางฉากต่างๆมากมาย ด้วยงบประมาณค่อนข้างสูง เพราะล้วนเป็นฉากทำลายล้างค่อนข้างมากเลยทีเดียว ไม่แปลกใจว่านี่คือหนังที่น่าจดจำประจำปี 1994




