"สิทธิกรณ์ ภาพยนตร์" ขวัญใจคนจน เจ้าพ่อประตูน้ำโคราช ในยุครุ่งเรืองของหนังกลางแปลง (พ.ศ. 2510)
"สิทธิกรณ์ ภาพยนตร์" ขวัญใจคนจน เจ้าพ่อประตูน้ำโคราช ในยุครุ่งเรืองของหนังกลางแปลง (พ.ศ. 2510)
ย้อนเวลากลับไปในยุคที่ "หนังกลางแปลง" เป็นความบันเทิงยอดนิยมของคนไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด “สิทธิกรณ์ ภาพยนตร์” คือหนึ่งในชื่อที่คนโคราชยุคนั้นจดจำได้ดี ในฐานะเจ้าพ่อแห่งวงการฉายหนังเร่ ที่นำความสุขมาสู่ชาวบ้านโดยไม่เลือกชนชั้น
สิทธิกรณ์ ภาพยนตร์ ถือกำเนิดขึ้นในยุคที่โคราชยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของเมืองเก่า เสน่ห์ของตลาดประตูน้ำและย่านการค้าคึกคักไม่แพ้เมืองหลวง โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่ลานกว้างหลายแห่งถูกแปลงโฉมเป็นโรงหนังชั่วคราว ประดับด้วยจอผ้าขาวขนาดใหญ่ เครื่องฉายฟิล์ม 35 มม. และลำโพงกระหึ่มทั่วบริเวณ
สิทธิกรณ์ไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดฉายหนังกลางแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโคราชยุคนั้น แต่ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น "ขวัญใจคนจน" เพราะมักจะฉายหนังให้ชาวบ้านชมฟรี หรือเก็บค่าตั๋วในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้
● ยุคทองของหนังกลางแปลง พ.ศ. 2510
ช่วงปี พ.ศ. 2510 เป็นยุคทองของหนังกลางแปลง ทั่วทั้งประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน ภาพยนตร์ดังจากไทยและต่างประเทศถูกฉายผ่านจอขนาดยักษ์ท่ามกลางลมเย็นของทุ่งนาหรือสนามกว้าง ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ "บ้านทรายทอง", "เงิน เงิน เงิน" หรือหนังบู๊อย่าง "ไอ้มดแดง"
ในยุคนั้น ชาวบ้านถือเสื่อและเสื่อหมอนติดตัว มาปูพื้นดูหนังกันอย่างอบอุ่น บางครอบครัวนำเสบียงมาเต็มที่ เปรียบเสมือนการออกมาเที่ยวงานวัด แม้จะไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีที่นั่งหรูหรา แต่หนังกลางแปลงกลับสร้างความสุขและความทรงจำให้กับผู้คนอย่างล้นหลาม
เสื่อมถอยและการเลือนหายของหนังกลางแปลง
เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า โรงภาพยนตร์ถาวรเข้ามาแทนที่ รวมถึงการมาถึงของโทรทัศน์ ทำให้หนังกลางแปลงเริ่มเสื่อมความนิยมในช่วงปลายยุค 2520 อย่างไรก็ตาม ชื่อของ "สิทธิกรณ์ ภาพยนตร์" ยังคงเป็นตำนานที่อยู่ในใจของชาวโคราช และเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมบันเทิงของไทยในอดีตได้เป็นอย่างดี
แม้ว่ายุครุ่งเรืองของหนังกลางแปลงจะผ่านพ้นไป แต่ความทรงจำในค่ำคืนที่ผู้คนมานั่งชมหนังใต้แสงดาว ยังคงเป็นภาพแห่งความสุขที่ไม่มีวันลบเลือนจากประวัติศาสตร์โคราช


