ซุนยัตเซน ญาติสายตรงของซุนกวน ผู้ปกครองง่อก๊ก
วันนี้เป็นวันครบรอบ 100 ปี การเสียชีวิตของ ซุนยัตเซน หนึ่งในผู้นำการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ชิงและประธานาธิบดีคนแรกของระบอบสาธารณรัฐจีน
มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะเขียนมานานแล้ว วันนี้ได้โอกาส นั่นคือ ซุนยัตเซน (ซุนเหวิน) เป็นญาติสายตรงของกินซุนกวน ผู้ปกครองง่อก๊ก
สาแหรกของตระกูลซุนแห่งง่อก๊กเริ่มต้นอย่างนี้
หนึ่งในบรรพชน คือ ซุนจื่อหรือซุนวู ผู้เขียนตำราพิชัยสงครามซุนวูอันลือลั่นในยุคชุนชิว โดยที่หลานของซุนวู คือซุนปิน ก็เป็นนักพิชัยสงครามผู้ยิ่งใหญ่เช่นกันในยุคจ้านกั๋ว
ลูกหลานของซุนวูสืบเชื้อสายมาถึงซุนเกี๋ยนในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่น จากซุนเกี๋ยนผู้สืบทอดต่อมาคือซุนเซ็ก ครั้นซุนเซ็กตายไปแต่ยังหนุ่มภาระตกเป็นของซุนกวนน้องชาย ได้เป็นผู้ปกครองง่อก๊กเต็มตัวในยุคสามก๊ก ตั้งเมืองหลวงที่เจี้ยนเย่หรือหนานจิง
ซุนกวนมีน้องชายคนหนึ่งคือ ซุนของ ซึ่งซุนของนี่เองคือบรรพบุรุษสายตรงของซุนยัตเซน
ที่นักวิชาการทราบเรื่องนี้เพราะค้นพบหลักฐานในตำราสาแหรกตระกูลซุนที่ถิ่นฐานบ้านเดิมของซุนกวน คือหมู่บ้านหลงเหมิน เขตฟู่หยาง เมืองหังโจว ตำรานี้ถูกนำมายังหมู่บ้านนี้โดย ซุนจิ่น บุตรชายของ ซุนโฮ กษัตริย์องค์สุดท้ายของง่อก๊ก
ตระกูลสายซุนวู ซุนเกี๋ยน ซุนกวน ซุนโฮ จนมาถึงซุนยัตเซน เรียกว่า "ตระกูลซุนแห่งฟู่ชุน" ฟู่ชุนในปัจจุบันก็คือเขตฟู่หยางนั่นเอง
ที่ว่าซุนยัตเซนเป็นคนกวางตุ้งนั้นก็ถูกเพราะมีบรรพบุรุษอยู่รุ่นหนึ่งอพยพจากกังนั้มแล้วมาตั้งหลักแหล่งในฮกเกี้ยน จากฮกเกี้ยนก็มาอยู่กวางตุ้ง
และจากกวางตุ้ง คนตระกูลซุนก็กลับมาครองแผ่นดินจีน (อีกครั้ง) ที่หนานจิง เฉกเช่นเมื่อครั้งซุนกวนครองเจี้ยนเย่
หมายเหตุ - ภาพนี้คือภาพเมื่อคราวที่ซุนยัตเซนพาคณะปฏิวัติไปสักการะดวงพระวิญญาณของหมิงไท่จู่ จูหยวนจาง ที่สุสานหลวงหมิงเซี่ยวหลิง เพื่อ "กราบทูล" ให้ทราบว่าบัดนี้คนจีนไล่คนต่างชาติ (พวกแมนจู) ให้พ้นจากอำนาจแล้ว และรำลึกพระคุณขององค์หมิงไท่จูที่เคยขับไล่พวกต่างชาติสำเร็จมาก่อน (พวกมองโกล) และเป็นแรงบันดาลใจให้อนุชนรุ่นหลัง
สุสานหลวงหมิงเซี่ยวหลิงนี้สร้างตามแนวที่เกือบจะทับสุสานของซุนกวนที่ภูเขาจงซานในเมืองหนานจิง แต่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ว่า จูหยวนจางอยากจะให้ซุนกวนช่วยเฝ้าสุสานให้ ราชมรรคาของสุสานหมิงเซี่ยวหลิงจึงสร้างเยื้องหลบสุสานของซุนกวน
หลังจากซุนยัตเซนเสียชีวิตเมื่อ 100 ปีก่อน ก็นำศพของเขามาไว้ที่สุสานใหญ่โตใกล้ๆ กับสุสานหลวงหมิงเซี่ยวหลิงกับสุสานของซุนกวน ดังนั้น "ยอดคน" ทั้งสามยุคจึงได้หลับใหลอยู่ใกล้เคียงกันนับแต่นั้น






















