คนไทยไม่มีวันลืม ชาวกัมพูชาคิดอย่างไรกับเหตุการณ์เผาสถานทูตไทย? คอมเมนต์เดือด
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่หลายคนอาจยังจำได้ดีมาฝากกันครับ นั่นคือเหตุการณ์ "เผาสถานทูตไทยในกัมพูชา" เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2546 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างมาก แต่ล่าสุดผมไปเจอบทความของชาวเขมรคนหนึ่งที่เล่าถึงเหตุการณ์นี้ในมุมของฝั่งเขา บอกเลยว่ามีรายละเอียดที่น่าสนใจมากๆ ทั้งเรื่อง Fake News การปลุกระดม และบทเรียนที่ทั้งสองประเทศได้รับจากเหตุการณ์นี้ ตามมาอ่านกันเลยครับ!
จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย: Fake News กับดาราดัง
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจาก "กบ สุวนันท์" ดาราดังของไทยในตอนนั้น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงกัมพูชาจากละครเรื่อง ดาวพระศุกร์ ชาวเขมรเรียกเธอว่า "เนียงประกายพฤกษ์" หรือดาวพระศุกร์ แสดงให้เห็นว่าคนเขมรชื่นชอบเธอขนาดไหน
แต่แล้วความรักก็กลายเป็นความเกลียดชัง เมื่อหนังสือพิมพ์เขมรชื่อ Reaksmey Angkor ได้ตีพิมพ์ข่าวว่า กบให้สัมภาษณ์ว่า "หากต้องการให้เธอแสดงละครในกัมพูชา เขมรต้องคืนนครวัดให้ไทย เพราะชาวเขมรขโมยนครวัดไปจากไทย และตัวเธอเองไม่ชอบคนเขมร"
ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นร้อนทันที! สื่อวิทยุในกัมพูชาเริ่มปลุกระดมให้คนต่อต้านไทย มีการเรียกร้องให้กบออกมาขอโทษ แต่ทางฝั่งไทยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา จนความโกรธของชาวเขมรรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ฮุน เซน ปลุกระดมชาตินิยมสุดโต่ง
วันที่ 27 มกราคม 2546 ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในตอนนั้น ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ โดยกล่าวว่า "นักแสดงอย่างเธอ มีค่าน้อยกว่าหญ้าหนึ่งกำมือที่นครวัด" และสั่งให้สถานีโทรทัศน์หยุดฉายละครไทยทั้งหมด
ฮุน เซนยังตำหนิคนเขมรบางส่วนที่ไม่มีรูปกษัตริย์ในบ้าน แต่กลับมีรูปดาราไทย แถมยังปลุกระดมให้คนเขมรรักชาติมากขึ้น จนในวันที่ 29 มกราคม 2546 ประชาชนเริ่มรวมตัวกัน และในวันที่ 30 มกราคม ก็เกิดเหตุบุกเผาสถานทูตไทยในพนมเปญ!
สถานการณ์ในวันนั้น: สถานทูตไทยถูกเผา!
ในวันนั้น สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นที่ เอกอัครราชทูตไทย ต้องกระโดดข้ามรั้วสถานทูตลงไปในแม่น้ำ เพื่อขอให้เรือเฟอร์รีช่วยพาหลบหนี ส่วนเจ้าหน้าที่บางคนต้องปีนเข้าไปในสถานทูตญี่ปุ่นที่อยู่ติดกันเพื่อเอาตัวรอด
ที่น่าสลดใจคือ ทูตไทยโทรหาหลายหน่วยงานในกัมพูชา ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และตำรวจ แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเลย!
ไทยตอบโต้หนัก! ปิดพรมแดน-ขับทูตเขมร
ทางฝั่งไทยตอบโต้ทันทีด้วยท่าทีแข็งกร้าว ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในตอนนั้น เรียกเหตุการณ์นี้ว่า "โหดร้ายและเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ"
ไทยส่งเครื่องบินทหาร C-130 จำนวน 4 ลำ ไปรับคนไทยกลับ พร้อมสั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมเต็มที่ นอกจากนี้ยังปิดพรมแดนทั้งหมดระหว่างไทย-กัมพูชา ยกเลิกเที่ยวบินไปพนมเปญ และขับไล่เอกอัครราชทูตกัมพูชาออกจากไทย
ที่น่าสนใจคือ ไทยยังประกาศว่าจะส่งแรงงานเขมรที่ทำงานและขอทานในไทยกลับประเทศ โดยกล่าวว่า "เราจะไม่มีความเห็นอกเห็นใจพวกเขาอีกต่อไป พวกเขามาเพื่อคุกคามความมั่นคงของเราเท่านั้น"
กบ สุวนันท์ ออกมาปฏิเสธ พร้อมน้ำตา
ด้าน กบ สุวนันท์ ดาราดังที่ถูกกล่าวหา ก็ออกมาปฏิเสธด้วยน้ำตาว่า "ไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบนั้นเลย" และยืนยันว่าถ้ามีหลักฐานว่าเธอพูดจริง เธอจะขอโทษโดยไม่มีเงื่อนไข
กัมพูชายอมรับผิด-จ่ายค่าเสียหาย
ในที่สุด รัฐบาลกัมพูชายอมรับว่าสถานการณ์อยู่เหนือการควบคุม และยินดีชดเชยค่าเสียหายให้ไทย โดยจ่ายเงินกว่า 5 ล้านดอลลาร์ ให้สถานทูตไทย และอีก 50 ล้านดอลลาร์ ให้ภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Reaksmey Angkor และผู้นำกลุ่มก่อเหตุ รวมถึงเปิดเผยว่า สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านในตอนนั้น อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมครั้งนี้
บทเรียนจากเหตุการณ์: Fake News กับชาตินิยมสุดโต่ง
บทความนี้สรุปว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจาก Fake News และ ลัทธิชาตินิยมสุดโต่ง ที่ถูกปลุกระดมโดยกลุ่มการเมืองบางฝ่ายในกัมพูชา
ชาวเขมรหลายคนที่เข้ามาคอมเมนต์ในบทความนี้ก็ยอมรับว่า นี่เป็นบทเรียนสำคัญที่สอนให้คนเขมรต้องคิดวิเคราะห์ข่าวสารให้ดี และไม่ปล่อยให้อารมณ์ชาตินิยมมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
20 ปีผ่านไป...คนไทยยังไม่ลืม!
แม้เวลาจะผ่านมา 20 ปีแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทั้งไทยและกัมพูชา ที่สอนเราว่า Fake News และ การปลุกระดม สามารถสร้างความเสียหายได้มากขนาดไหน
สำหรับคนไทยอย่างเราๆ นี่คือเหตุการณ์ที่เรายังจำได้ดี และเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราต้องช่วยกันตรวจสอบข่าวสารก่อนเชื่อหรือแชร์อะไรออกไป
แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ คิดยังไงกับเหตุการณ์นี้? คอมเมนต์มาคุยกันได้เลย
#เหตุการณ์เผาสถานทูตไทย #FakeNews #ไทยvsกัมพูชา #บทเรียนประวัติศาสตร์
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
ปักธงผืนสุดท้ายเหนือ "ปราสาทคนา" ทัพไทยบุกยึดคืนสำเร็จเป็นที่แรก แต่ปักธงสถาปนาชัยชนะเป็นที่สุดท้าย
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
เซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 2568
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
เปิดตัวอย่างเป็นทางการ นัททิว+เจฟ คบกันมาแล้ว 8 เดือน
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
จะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
แกงกระด้าง:อาหารเหนือหน้าหนาว
ขนมหม้อทอง ขนมสมัยพระนารายณ์
ปักธงผืนสุดท้ายเหนือ "ปราสาทคนา" ทัพไทยบุกยึดคืนสำเร็จเป็นที่แรก แต่ปักธงสถาปนาชัยชนะเป็นที่สุดท้าย
ย้อนตำนาน “ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์” อ่านราชโองการผิดเพียงคำเดียว แต่ช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์นับพัน
หญิงสาวกินผมตัวเองมาตั้งแต่สมัยอนุบาลเป็นเวลา 20 ปี เจอ"ก้อนผม"หนัก 1 กิโลกรัมในท้อง
เผยโฉม "Dracula’s Chivito": จานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลเท่าที่เคยพบ
“ทำไมคนขยันหลายคนยังไม่ประสบความสำเร็จ? ความจริงที่ไม่มีใครบอกคุณ”
ทึ่งทั่วโลก : "ทะเลสาบเพโท" ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แสนสดใสที่มองจากมุมสูงแล้วมีรูปร่างเหมือน "หัวสุนัขจิ้งจอก" ด้วยน๊า
จะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?