เกร็ดความรู้น่าสนใจ : ดอกของต้นบุกยักษ์ หนึ่งในดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก...
ในบรรดาดอกไม้ที่เคยถูกบันทึกในกินเนสส์บุ๊กว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หนึ่งในนั้นคือ ต้นบุกยักษ์ (Titan Arum) พืชมหัศจรรย์ที่พบได้ในป่าดิบชื้นบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ดอกของมันสามารถแทงยอดสูงได้ถึงสามเมตร ขณะที่ส่วนของหัวหรือเหง้าที่อยู่ใต้ดินสามารถแผ่ขยายและฝังลึกลงไปมากกว่าหนึ่งเมตร มันเป็นพืชในตระกูลเดียวกับบัวผุด และขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่หาดูได้ยาก ชาวบ้านในท้องถิ่นเรียกมันว่า Bunga Bangkai ซึ่งมีความหมายว่า ดอกซากศพ ชื่อนี้ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นมาโดยไร้เหตุผล เพราะเมื่อถึงเวลาที่ดอกบุกยักษ์เบ่งบาน มันจะปล่อยกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายกับซากสัตว์เพื่อดึงดูดเหล่าแมลงกินซาก เช่น แมลงวันและด้วง ให้เข้ามาช่วยผสมเกสร
ดอกของมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ดอกไม้ขนาดยักษ์เท่านั้น แต่ยังมีกลยุทธ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งในการล่อแมลงเข้ามา ด้วยกลีบดอกที่เป็นสีแดงเข้มคล้ายเนื้อสด และปลายของดอกที่สามารถสร้างความร้อนให้สูงใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกายสัตว์ขนาดใหญ่ เมื่อแมลงสัมผัสได้ถึงทั้งกลิ่นเหม็นและความร้อนที่แผ่ออกมา มันก็จะเข้าใจว่านี่คือซากสัตว์ที่สามารถใช้เป็นแหล่งวางไข่ เมื่อแมลงเข้าไปด้านในของดอก เกสรตัวผู้และตัวเมียก็จะทำหน้าที่ของมันเพื่อให้เกิดการผสมพันธุ์และสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไป
ความมหัศจรรย์ของบุกยักษ์ไม่ได้มีเพียงแค่ขนาดหรือกลไกการล่อแมลงเท่านั้น แต่มันยังเป็นพืชที่ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะออกดอกเป็นครั้งแรก โดยปกติแล้ว บุกยักษ์จะเริ่มบานครั้งแรกเมื่อมีอายุประมาณเจ็ดถึงสิบปี และเมื่อดอกโรยไปแล้ว กว่าที่มันจะบานอีกครั้งอาจต้องรอเวลาตั้งแต่สองถึงสามปี หรือในบางต้นอาจนานถึงเจ็ดถึงสิบปีเลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการได้เห็นบุกยักษ์บานจึงเป็นช่วงเวลาที่พิเศษและน่าตื่นเต้นสำหรับนักพฤกษศาสตร์และผู้ที่สนใจในธรรมชาติ
แม้ว่าบุกยักษ์จะเป็นพืชที่พบได้ยากในธรรมชาติ แต่มันได้รับการเพาะเลี้ยงและจัดแสดงในสวนพฤกษศาสตร์หลายแห่งทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยเองก็มีการนำมาปลูกและจัดแสดงให้ประชาชนได้ชม เช่น ที่สวนนงนุช พัทยา ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยมีโอกาสไปเห็นต้นบุกยักษ์ที่นั่น แม้มันจะยังไม่ถึงเวลาบานเต็มที่ แต่เพียงแค่ได้เห็นขนาดอันใหญ่โตของมันก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งแล้ว หากวันใดที่มันบานขึ้นมาเต็มที่ กลิ่นอันรุนแรงของมันอาจทำให้ผู้ชมต้องยกมือปิดจมูก แต่ก็คงเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก และอาจทำให้เข้าใจถึงความลึกลับของธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น






















