การต่อสู้อันแสนสง่างามของเหล่านกยูงตัวผู้ การต่อสู้ของธรรมชาติที่สวยงามอย่างน่าดู ของนกที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง
เมื่อดวงตะวันคล้อยต่ำสาดแสงสีทองสู่ผืนป่าเงียบสงบ เสียงกู่ก้องอันแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยพลังสะท้อนผ่านพุ่มไม้ "โต้งโฮ้ง โต้งโฮ้ง โต้งโฮ้ง " นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่า ฤดูแห่งการประกาศอาณาเขตของเหล่านกยูงตัวผู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ในช่วงต้นปี แพนขนปิดหางของนกยูงตัวผู้เริ่มงอกยาวขึ้นจนถึงจุดสูงสุด บางตัวมีความยาวเกือบ 150 เซนติเมตร มันคือเครื่องหมายแห่งความสง่างามและความภาคภูมิใจ ขนเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นอาวุธสำคัญในการเกี้ยวพาราสีและต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดน
พื้นที่หาดทรายริมฝั่งน้ำกลายเป็นเวทีแห่งการแข่งขัน เมื่อเหล่านกยูงตัวผู้เริ่มจับจองอาณาเขตเพื่อสร้าง "สนามรัก" ของตน พวกมันจะยืนอย่างสง่างาม รำแพนขนหางแผ่กว้างดั่งพัดที่ทอด้วยอัญมณีแห่งป่า เสียงร้องเรียกหาคู่ดังกึกก้อง แต่ก็เป็นการส่งคำเตือนไปยังผู้บุกรุกเช่นกัน
แต่หากนกยูงตัวผู้ใดก้าวล้ำเข้าไปในอาณาเขตของอีกตัวหนึ่ง สงครามแห่งเกียรติยศจะเริ่มต้นขึ้น! นกยูงเจ้าของถิ่นจะรีบเข้าไปเผชิญหน้า รำแพนขู่ และเดินวนสวนกันอย่างช้า ๆ เป็นสัญญาณเตือนสุดท้าย หากผู้บุกรุกยังไม่ยอมถอย การต่อสู้ก็จะปะทุขึ้น
พวกมันกระโจนขึ้นจากพื้น ดวลกันกลางอากาศสูงถึง 2 - 3 เมตร กรงเล็บอันแหลมคมตวัดฟาดเข้าหากัน เสียงกระทบของขนและเล็บดังปะทะกันกลางอากาศ ก่อนจะร่อนลงมาและเดินวนกันอีกครั้ง ประหนึ่งนักรบโบราณที่กำลังวัดใจคู่ต่อสู้ สงครามนี้อาจยืดเยื้อนานหลายนาทีจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดแรงและต้องยอมถอยไป
ผลลัพธ์มักจะเป็นไปในทิศทางเดิม—ผู้บุกรุกต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และหลบหนีไป ทิ้งให้นกยูงเจ้าถิ่นยืนหยัดอยู่ท่ามกลางสายลมยามเช้า แพนขนที่สยายงดงามคือเครื่องหมายแห่งชัยชนะ มันกู่ร้องออกมาอีกครั้ง ดังก้องกังวานไปทั่วผืนป่า ประกาศให้ทุกตัวรับรู้ว่า อาณาจักรนี้ยังคงเป็นของมันแต่เพียงผู้เดียว!




