ขิงมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่รู้ไหมว่ามีบางคนไม่ควรทาน?
ขิงมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่รู้ไหมว่ามีบางคนไม่ควรทาน?
ขิง (Ginger) เป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องสรรพคุณทางยา ไม่ว่าจะช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดอาการคลื่นไส้ หรือช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ถึงแม้จะมีประโยชน์มากมาย ก็ยังมีบางกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคขิง เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
ใครบ้างที่ไม่ควรทานขิง?
1. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือดและการแข็งตัวของเลือด
ขิงมีคุณสมบัติช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด จึงอาจเป็นอันตรายสำหรับผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน หรือแอสไพริน เพราะอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้ง่าย
2. ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงหรือความดันโลหิตต่ำ
ขิงสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ แต่หากบริโภคมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด หรือหมดสติได้ โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานยาลดความดัน
3. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
ขิงมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ที่ใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาล เช่น อินซูลิน หรือยากลุ่มเมตฟอร์มิน หากรับประทานขิงร่วมกับยา อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปจนเกิดอาการหน้ามืดหรือเป็นลม
4. สตรีมีครรภ์ โดยเฉพาะช่วงใกล้คลอด
แม้ว่าขิงจะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง แต่หากบริโภคมากเกินไปในช่วงไตรมาสสุดท้าย อาจกระตุ้นให้เกิดการบีบตัวของมดลูก ส่งผลให้คลอดก่อนกำหนดได้
5. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือโรคกรดไหลย้อน
ขิงมีความเผ็ดร้อนและอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก หรือทำให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมามากขึ้น ซึ่งอาจทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น
● ข้อแนะนำในการบริโภคขิง
สำหรับคนทั่วไป ควรบริโภคขิงในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เกิน 4 กรัมต่อวัน
หากกำลังใช้ยาประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขิงเสริม
หลีกเลี่ยงขิงดิบหากมีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือเลือกบริโภคขิงในรูปแบบที่อ่อนโยนกว่า เช่น ชาขิง
ถึงแม้ว่าขิงจะเป็นสมุนไพรที่มากประโยชน์ แต่ก็ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคน หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรบริโภคอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น!

















