ตำนานการกวนเกษียรสมุทร สงครามน้ำอมฤต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนแห่งสวรรค์และโลกเบื้องล่าง เหล่าเทพ (เทวะ) และอสูร (อสูระ) ได้ทำสงครามกันมาอย่างยาวนาน แต่ไม่เคยมีฝ่ายใดได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง พลังของพวกเขาสูญสิ้นไปทีละน้อย จนกระทั่งเทพและอสูรต่างอ่อนแรง
เมื่อพระอินทร์ (ราชาแห่งเหล่าเทพ) ทูลขอความช่วยเหลือจากพระวิษณุ พระองค์ตรัสว่า “พวกเจ้าต้องกวนเกษียรสมุทร (มหาสมุทรน้ำนม) เพื่อสกัด น้ำอมฤต ซึ่งเป็นน้ำแห่งความเป็นอมตะ” แต่ภารกิจนี้ยิ่งใหญ่นัก เทพเพียงลำพังไม่อาจทำได้ จึงจำต้องขอความร่วมมือจากเหล่าอสูร
พันธมิตรที่ไม่มีวันยั่งยืน
พระอินทร์เดินทางไปยังนครบาดาลและทูลขอความร่วมมือจากอสูรว่า “พวกเราจะกวนเกษียรสมุทร และแบ่งน้ำอมฤตกันอย่างเท่าเทียม” อสูรทั้งหลายรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้พลังอำนาจ จึงตกลงร่วมมือ
พวกเขานำเอา เขาพระสุเมรุ มาเป็นไม้กวนน้ำ และใช้ พญานาควาสุกรี เป็นเชือกเพื่อพันรอบเขา อสูรจับหาง พวกเทพจับหัว ทั้งสองฝ่ายเริ่มกวนมหาสมุทรด้วยแรงมหาศาล
ภัยพิบัติและของวิเศษ
แต่ยังไม่ทันที่น้ำอมฤตจะปรากฏ พิษร้ายแรงชื่อ หาลาหล (Halahala) ได้ผุดขึ้นมา พิษนี้ร้ายแรงถึงขนาดสามารถทำลายทั้งสามโลกได้ เหล่าเทพต่างหวาดกลัว จึงพากันไปเฝ้าพระศิวะเพื่อขอความช่วยเหลือ
พระศิวะ ทรงรับพิษนั้นไว้และดื่มกลืนลงไป แต่พระมเหสี พระแม่ปารวตี รีบเข้ามากุมพระศอของพระองค์ไว้ ทำให้พิษติดอยู่ที่ลำคอ พระศิวะจึงกลายเป็น "นีลกัณฐะ" (คอสีฟ้า) และช่วยปกป้องจักรวาลจากภัยร้าย
หลังจากนั้น ของวิเศษต่าง ๆ ก็ทยอยผุดขึ้นจากมหาสมุทร เช่น
- กามธนู (วัวศักดิ์สิทธิ์)
- ปาริชาติ (ต้นไม้สวรรค์)
- อัปสร (นางฟ้า)
- จันทร์ (พระจันทร์) ที่พระศิวะนำมาประดับมวยผม
- วรุณี (เทวีแห่งสุรา)
- อุจไฉศรวัส (ม้าเทพสีขาว)
โมหินีและการชิงน้ำอมฤต
ในที่สุด หม้อน้ำอมฤต ก็ปรากฏขึ้น เหล่าอสูรตาวาว รีบกรูกันเข้าไปเพื่อแย่งชิง แต่พระวิษณุไม่ยอมให้พวกอสูรได้มันไป พระองค์ทรงแปลงร่างเป็น "โมหินี" (เทพธิดาผู้เลอโฉม) แล้วก้าวออกมา
โมหินีมีความงดงามไร้ที่ติ นางเดินไปหาเหล่าอสูรและกล่าวว่า “ข้าจะเป็นผู้แบ่งน้ำอมฤตให้พวกเจ้าเอง” อสูรทั้งหลายตกอยู่ภายใต้เสน่ห์ของนาง จึงยอมส่งหม้อน้ำอมฤตให้
โมหินีเริ่มแจกจ่ายน้ำอมฤต แต่แอบส่งให้เฉพาะเหล่าเทพ อสูรไม่ทันสังเกตว่าตนเองไม่ได้รับเลย
แต่มีอสูรตนหนึ่งชื่อ ราหู แอบปลอมตัวเป็นเทพและดื่มน้ำอมฤต พระสุริยะและพระจันทร์มองเห็นเข้า จึงรีบกราบทูลพระวิษณุ พระองค์จึงใช้จักรตัดหัวราหูออก แต่น้ำอมฤตได้ไหลลงไปในร่างของอสูรเสียแล้ว ทำให้หัวของราหูไม่ตาย กลายเป็น ราหูและเกตุ ซึ่งยังคงตามล้างแค้นพระจันทร์และพระอาทิตย์จนถึงทุกวันนี้ (เป็นที่มาของสุริยุปราคาและจันทรุปราคา)
ชัยชนะของเหล่าเทพ
เมื่อไม่มีน้ำอมฤต เหล่าอสูรก็พ่ายแพ้ เหล่าเทพได้รับพลังกลับคืนมาและปกครองสวรรค์ต่อไป

















