การทรยศของเจสันและเมเดีย: ความรักที่แปรเปลี่ยนเป็นความแค้น
การทรยศของเจสันและเมเดีย: ความรักที่แปรเปลี่ยนเป็นความแค้น
จุดเริ่มต้นของโชคชะตา
ท่ามกลางดินแดนอันห่างไกล ณ ปลายขอบฟ้าที่ไม่มีใครเคยไปถึง นครโคลคิสตั้งตระหง่านราวกับป้อมปราการแห่งเวทมนตร์ ดินแดนนี้ถูกปกครองโดยกษัตริย์แอเอเตส ผู้ครอบครองขนแกะทองคำศักดิ์สิทธิ์ สมบัติล้ำค่าที่ถูกเก็บรักษาไว้ภายใต้การคุ้มกันของมังกรร้าย ป่าทึบโอบล้อมนครโคลคิส กำแพงธรรมชาติของเถาวัลย์ที่หนาทึบและต้นไม้สูงเสียดฟ้าทำให้ไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้โดยง่าย
สายลมพัดผ่านป่าใหญ่ ร่ายเสียงกระซิบเหมือนเรื่องเล่าของอดีตกาล กลิ่นอายของเวทมนตร์โบราณยังคงอบอวลอยู่ในอากาศ ประหนึ่งว่าธรรมชาติกำลังเฝ้ามองและเตือนถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ ขณะที่เงามืดของค่ำคืนกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบงัน
กลางใจป่า ขนแกะทองคำถูกแขวนอยู่บนต้นโอ๊กศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้เก่าแก่ที่ยืนตระหง่านมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ กิ่งก้านของมันทอดยาวออกไป ราวกับแขนของยักษ์ผู้ปกป้องสมบัติล้ำค่า ใบไม้หนาทึบส่งเสียงกรอบแกรบเมื่อลมพัดผ่าน แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องขนแกะทองคำ เปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับถูกปกป้องโดยพลังแห่งเทพเจ้าเอง
มังกรผู้พิทักษ์นอนขดตัวอยู่ใต้เงาของต้นไม้ ร่างกายของมันปกคลุมด้วยเกล็ดแข็งดั่งโลหะ แต่ละแผ่นเกล็ดสะท้อนแสงสีเขียวทองราวกับอัญมณีที่เจียระไน ดวงตาสีเหลืองทองของมันปิดสนิท ราวกับกำลังหลับใหล ทว่าเสียงหายใจของมันดังเป็นจังหวะหนักหน่วง อบอวลไปด้วยไอร้อนที่คลุ้งออกมาเป็นควันบางๆ มังกรตัวนี้มิใช่สัตว์ร้ายธรรมดา หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมอบหมายจากเทพเจ้าให้เฝ้าขุมทรัพย์แห่งอำนาจนี้
ตำนานกล่าวไว้ว่า ขนแกะทองคำไม่ใช่เพียงเครื่องหมายแห่งอำนาจเท่านั้น แต่ยังมีพลังอันมหาศาล ผู้ที่ได้ครอบครองมันจะได้รับการคุ้มครองจากเหล่าทวยเทพ ได้รับเกียรติยศและอำนาจที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกษัตริย์แอเอเตสจึงหวงแหนมันยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง
แต่ในคืนนั้น ลมแห่งโชคชะตาพัดผ่านนครโคลคิส กลุ่มนักรบจากแดนไกล ผู้ถูกเรียกขานว่าอาร์โกนอต ได้เดินทางมาถึง พร้อมกับผู้นำของพวกเขา—เจสัน ชายหนุ่มผู้แบกภาระของโชคชะตาไว้บนบ่า และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะชิงขนแกะทองคำกลับไปให้ได้
ค่ำคืนแห่งการทดสอบ ความกล้าหาญ และการทรยศ—กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
การขโมยขนแกะทองคำ
ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบงัน ดวงจันทร์ลอยเด่นเหนือผืนฟ้า สาดแสงซีดจางลงมายังป่าทึบของนครโคลคิส ที่กลางใจป่า ต้นโอ๊กศักดิ์สิทธิ์ตั้งตระหง่าน กิ่งก้านของมันทอดยาวปกคลุมรอบพื้นที่ลึกลับ ราวกับเป็นม่านพลังที่คอยปกป้องขนแกะทองคำที่ห้อยระย้าอยู่ท่ามกลางเงามืด แสงสีทองของมันเปล่งประกายระยิบระยับสลับกับเงาเคลื่อนไหวของใบไม้ที่พลิ้วไหวในสายลมเย็น
เจสันและเมเดียซ่อนตัวอยู่หลังแนวไม้ หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว ในเบื้องหน้าของพวกเขาคือมังกรร้าย ผู้พิทักษ์แห่งขนแกะทองคำ ร่างของมันขดตัวอยู่ใต้ร่มเงาของต้นโอ๊ก ดวงตาสีเหลืองทองยังคงปิดสนิท แต่เสียงลมหายใจของมันดังลึกและสม่ำเสมอ ราวกับเตือนว่ามันยังตื่นตัวต่อสิ่งใดก็ตามที่บุกรุกเข้ามา
"เจ้ามั่นใจหรือว่าเวทมนตร์ของเจ้าจะทำให้มันหลับได้?" เจสันกระซิบเบาๆ ดวงตาของเขายังไม่ละจากมังกรที่ขดตัวอยู่
"ถ้าเจ้าทำตามที่ข้าบอก ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน" เมเดียตอบเสียงแผ่ว นางเปิดขวดน้ำยาในมือ กลิ่นหอมฉุนของสมุนไพรเวทมนตร์แผ่ซ่านไปทั่วอากาศ
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบกริบ ดวงตาของนางจับจ้องไปที่มังกรพร้อมกับเริ่มร่ายคาถา เสียงกระซิบของนางดังเบาๆ ราวกับเป็นเสียงลมพัดผ่าน แม้จะฟังดูแผ่วเบา แต่พลังเวทมนตร์นั้นค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ร่างของมังกร ลมหายใจของมันช้าลง เปลือกตาของมันเริ่มหนักขึ้น
"ได้ผล... เจสัน ไปเดี๋ยวนี้!" เมเดียเอ่ยเร่งเร้า
เจสันไม่รอช้า เขาพุ่งตัวไปยังต้นโอ๊ก มือของเขาคว้าขนแกะทองคำเอาไว้ เนื้อสัมผัสของมันนุ่มราวกับไหมแต่กลับหนักกว่าที่เขาคิด แสงสีทองเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นราวกับรับรู้ถึงการถูกขโมย แต่ก่อนที่เขาจะถอยกลับ มังกรคำรามเสียงต่ำ ดวงตาสีเหลืองทองเบิกโพลงขึ้นอีกครั้ง
"มันตื่นแล้ว! เมเดีย!" เจสันตะโกนพร้อมกับกระชับขนแกะทองคำในมือ
มังกรคำรามก้องสะท้อนทั่วทั้งป่า กรงเล็บของมันตะกุยพื้นดิน หางของมันฟาดลงกระแทกกับรากไม้หนา เมเดียรีบขว้างผงเวทมนตร์เพิ่มขึ้นไปในอากาศ แต่มังกรขยับตัวเร็วเกินไป ดวงตาของมันฉายแววโกรธเกรี้ยว เปลวไฟพวยพุ่งออกจากปากของมัน เจสันพุ่งตัวหลบแทบไม่ทัน เปลวไฟเผาไหม้ใบไม้รอบตัวพวกเขาเป็นวงกว้าง
"หนีไป! ทางนี้!" เมเดียคว้ามือเจสัน ดึงเขาให้วิ่งออกจากวงล้อมของเปลวไฟ
ทั้งสองคนวิ่งสุดกำลัง เสียงของมังกรคำรามไล่หลังพวกเขามา ร่างมหึมาของมันเคลื่อนตัวรวดเร็วเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิด มันพุ่งเข้าหาพวกเขาด้วยความเร็วที่น่าหวาดกลัว กรงเล็บขนาดใหญ่ตวัดลงใส่พื้นดินตรงจุดที่เจสันเพิ่งก้าวผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที
"เราต้องไปให้ถึงเรือ! พวกเขากำลังรอเราอยู่!" เจสันตะโกน มือของเขากำขนแกะทองคำแน่น
"ข้าจะถ่วงเวลามันไว้! ไปเดี๋ยวนี้!" เมเดียหยุดลงพลางร่ายมนตร์อีกบท เปลวแสงสีฟ้าพุ่งออกจากฝ่ามือของนางและระเบิดขึ้นกลางอากาศ ทำให้มังกรชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที
เพียงพอสำหรับเจสันที่พุ่งตรงไปยังเรืออาร์โก เหล่าอาร์โกนอตที่เฝ้ารออยู่แล้วช่วยกันพยุงเขาขึ้นไปบนเรือ ก่อนที่เมเดียจะกระโดดขึ้นตามมา เสียงของมังกรยังดังก้องอยู่เบื้องหลัง แต่มันไม่สามารถไล่ตามพวกเขาลงน้ำได้
เรืออาร์โกแล่นออกจากชายฝั่งโคลคิส ทิ้งนครแห่งเวทมนตร์ไว้เบื้องหลัง ขณะที่เสียงคำรามของมังกรยังคงสะท้อนไปทั่วผืนฟ้า เจสันหอบหายใจหนัก เขายกขนแกะทองคำขึ้นมาดู รู้สึกถึงชัยชนะที่เพิ่งคว้ามาได้
"เราทำสำเร็จ... ขนแกะทองคำเป็นของเราแล้ว" เขาพูดขึ้นเบาๆ สายตาหันไปมองเมเดียที่นั่งหมดแรงอยู่ข้างๆ
"ใช่... แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เจสัน" เมเดียกระซิบ นางมองออกไปยังขอบฟ้าที่ไกลออกไป ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความกังวลที่เจสันยังไม่อาจเข้าใจ
ท่ามกลางผืนน้ำกว้างใหญ่ เรืออาร์โกล่องลอยออกไปสู่มหาสมุทรที่มืดมิด นำพาเหล่าวีรบุรุษและหญิงผู้ทรงพลังสู่ชะตากรรมที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
การหลบหนีและคำสาบาน
เมื่อล่องเรืออาร์โกออกจากชายฝั่งโคลคิส ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งเรือ เหล่าอาร์โกนอตต่างพากันหันไปมองหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งซบอยู่กับเสากระโดง นางคือเมเดีย เจ้าหญิงแห่งโคลคิส ผู้ซึ่งยอมละทิ้งบ้านเกิดเพื่อความรักและความภักดีต่อเจสัน
เมเดียนั่งนิ่ง เสียงคลื่นกระทบตัวเรือดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ นางรู้สึกถึงไอเค็มของทะเลลอยมากระทบใบหน้า แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความสับสนและอารมณ์ที่คุกรุ่น
"เจ้าทำได้ดีมาก เมเดีย ข้าไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่หากปราศจากเจ้า" เจสันกล่าวเบาๆ พลางย่อตัวลงนั่งเคียงข้างนาง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณและความอ่อนโยน
"ข้าไม่ได้ทำเพื่อตัวข้าเอง ข้าทำเพื่อเจ้า เจสัน" เมเดียกระซิบ เสียงของนางแฝงด้วยความเหนื่อยล้า แต่เต็มไปด้วยความศรัทธา นางเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ขณะมือยังสั่นไหวจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
"เจ้าทิ้งทุกสิ่งมาเพื่อข้า ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง ข้าสาบานต่อเหล่าทวยเทพ" เจสันจับมือของนางไว้แน่น ความอบอุ่นจากมือของเขาทำให้เมเดียรู้สึกมั่นใจขึ้น
"ข้าทิ้งทุกสิ่งมาแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูดของเจ้า" นางตอบเสียงเบา นางไม่ต้องการแสดงความหวาดกลัวออกมา แต่ลึกๆ ในใจ นางก็อดกังวลไม่ได้ว่าสิ่งที่นางทำลงไปนั้นจะนำพานางไปสู่อนาคตที่เป็นสุขจริงหรือไม่
"เราจะไปด้วยกัน เมเดีย ไม่มีสิ่งใดมาพรากเราจากกันได้ ข้าสัญญา" เจสันกล่าว พลางประคองใบหน้าของนางขึ้น ดวงตาของเขามองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง
เมเดียมองเข้าไปในดวงตาของเขา นางเชื่อมั่นในคำพูดของเขา นางหลับตาลงอย่างช้าๆ ซบไหล่ของเขา ลมหายใจของนางสงบลง ขณะที่เรืออาร์โกแล่นไปบนผิวน้ำสู่อนาคตที่พวกเขาเชื่อว่ามีแต่ความสุขรออยู่เบื้องหน้า ทว่าลมทะเลที่พัดผ่านตัวเรือนั้นกลับให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก ราวกับเป็นสัญญาณเตือนถึงชะตากรรมที่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่
การทรยศที่มิอาจให้อภัย
หลายปีผ่านไป เจสันและเมเดียใช้ชีวิตร่วมกันในนครโครินธ์ พวกเขามีบุตรสองคน เมเดียพยายามเป็นภรรยาผู้ซื่อสัตย์ เป็นมารดาที่รักบุตรของนาง ทว่าความสุขของนางค่อยๆ พังทลายลงเมื่อเจสันเริ่มเปลี่ยนไป
ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองว่าเจสันกำลังจะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงกลูเซ ธิดาของกษัตริย์เครออน เมเดียไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่เมื่อเจสันประกาศการแต่งงานอย่างเป็นทางการ นางรู้ว่ามันเป็นความจริง
"เจสัน... เจ้าเลือกนางแทนข้าอย่างนั้นหรือ?" เมเดียเอ่ยถาม น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
"เมเดีย ข้าไม่มีทางเลือก ข้าทำเพื่ออนาคตของเรา เพื่ออำนาจและสถานะที่มั่นคง" เจสันกล่าวเย็นชา
"เพื่ออนาคตของเจ้า ไม่ใช่ของเรา! ข้าเสียสละทุกสิ่งเพื่อเจ้า! ครอบครัวของข้าถูกทอดทิ้ง ข้ากลายเป็นคนนอก แต่เจ้ากลับทรยศข้า..." น้ำเสียงของเมเดียสั่นเครือ นางไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนได้อีกต่อไป
"เมเดีย เจ้าควรเข้าใจ ข้าไม่อาจอยู่กับเจ้าไปตลอดได้ ข้าเป็นนักรบ ข้าต้องคิดถึงสิ่งที่ดีที่สุด" เจสันกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เมเดียจ้องมองเขา นางเห็นความเย็นชาในแววตาของเขา ความรักที่นางเคยเห็นในดวงตาคู่นั้นได้หายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความทะเยอทะยานและความละโมบ นางรู้ว่าชายที่นางรักไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
แผนการแก้แค้นของเมเดีย
หัวใจของเมเดียแตกสลายจากการถูกทรยศ ความรักที่นางมีต่อเจสันกลายเป็นเปลวเพลิงแห่งความแค้น นางวางแผนที่จะทำให้เขาเจ็บปวดให้เท่ากับที่นางได้รับ
นางส่งของขวัญแต่งงานให้แก่กลูเซ มันคือชุดแต่งงานที่อาบยาพิษ นางกล่าวกับผู้ส่งสารด้วยรอยยิ้มเย็นชา
"จงบอกเจ้าหญิงว่าข้าหวังให้นางมีความสุขในชีวิตแต่งงานของนาง"
เมื่อกลูเซสวมชุดนั้นเข้าไป เปลวไฟลุกท่วมร่างของนาง คำกรีดร้องดังก้องไปทั่วพระราชวัง กษัตริย์เครออนพยายามช่วยลูกสาวของเขา แต่กลับถูกไฟเผาผลาญไปพร้อมกัน
แต่เพียงเท่านั้นยังไม่เพียงพอ เมเดียตัดสินใจทำสิ่งที่โหดร้ายที่สุด—นางสังหารลูกทั้งสองของตนเองเพื่อเป็นการลงโทษเจสัน นางเชื่อว่าการทำลายทุกสิ่งที่เขารักคือการแก้แค้นที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเจสันกลับมาถึงบ้าน เขาพบเพียงความเงียบงันและเลือดที่เปื้อนอยู่บนพื้น เมเดียยืนอยู่ตรงหน้าประตู ด้วยสีหน้าเย็นชา
"เจ้าทำอะไรลงไป เมเดีย!?" เจสันตะโกนออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
"ข้าทำในสิ่งที่เจ้าทำกับข้า ข้าทำให้เจ้าสูญเสียทุกอย่าง เหมือนที่เจ้าทอดทิ้งข้า" เมเดียตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
นางจากไปในรถม้าศักดิ์สิทธิ์ของเทพเฮลิออส ปล่อยให้เจสันจมอยู่ในความทุกข์ทรมานและการสูญเสียอย่างที่สุด
จุดจบของเจสัน
ในบั้นปลาย เจสันกลายเป็นชายที่ไร้เกียรติและไร้จุดหมาย เขาถูกทอดทิ้งจากผู้คน ไม่มีใครให้ความเคารพเขาอีกต่อไป หลังจากเหตุการณ์อันโหดร้ายในอดีตที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างจากเขา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว อำนาจ หรือแม้แต่ความภาคภูมิใจที่เคยมี วันคืนผ่านไปอย่างเดียวดาย เสียงหัวเราะของผู้คนในตลาดที่เคยต้อนรับเขาด้วยความชื่นชม กลับกลายเป็นเสียงกระซิบเย้ยหยัน ทุกคนต่างตราหน้าว่าเขาคือชายผู้ถูกเทพเจ้าทอดทิ้ง
ในค่ำคืนหนึ่ง เจสันเดินไปยังท่าเรือที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ เขามองดูซากปรักหักพังของเรืออาร์โกที่เคยพาเขาสู่เกียรติยศ แต่บัดนี้มันกลับเป็นเพียงเศษซากไม้ที่ถูกลมทะเลกัดกร่อน เจสันก้าวขึ้นไปนั่งพิงเสากระโดงที่ผุพัง มือของเขาลูบไล้ไม้เก่าราวกับต้องการสัมผัสอดีตที่ห่างไกล
"ข้าสูญเสียทุกสิ่ง ทุกอย่าง... และไม่มีวันได้มันกลับคืนมาอีกแล้ว" เขากระซิบกับตนเอง สายตาจ้องมองไปยังขอบฟ้าที่มืดมิด
ลมเย็นพัดผ่านผิวกายของเขา ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วท่าเรือ ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ไม่มีผู้ใดจดจำวีรบุรุษในวันวานอีกต่อไป ร่างของเขาค่อยๆ เอนลงกับพื้นไม้ เสียงคลื่นซัดกระทบฝั่งเป็นจังหวะสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง
ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาไม่ได้คิดถึงเกียรติยศ หรือชัยชนะที่เคยได้รับ หากแต่เป็นใบหน้าของหญิงสาวผู้หนึ่ง—เมเดีย ความรักที่เขาเคยได้รับแต่กลับทำลายลงด้วยมือของเขาเอง เป็นจุดจบของชายผู้เคยได้รับพรและโอกาส แต่กลับทรยศความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด








