องค์การอนามัยโลกเผย หลังรัฐบาลทรัมป์ระงับโครงการช่วยเหลือของ USAID ทำให้ 50 กว่าประเทศได้รับผลกระทบ
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวานนี้(12 กุมภาพันธ์ 2568) ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเปิดเผยว่า โครงการเพื่อรับมือเชื้อเอชไอวี, โปลิโอ, ฝีดาษลิง และไข้หวัดนกในกว่า 50 ประเทศกำลังได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการให้เงินช่วยเหลือต่างประเทศผ่านองค์กร USAID มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังดำเนินขั้นตอนต่างๆ เพื่อปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ หรือ ยูเอสเอด (USAID) โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวหาหน่วยงานนี้ว่า ใช้งบประมาณสิ้นเปลืองและไม่มีเหตุผล นอกจากนั้นยังบริหารโดยพวกฝ่ายซ้ายจัด แต่ ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า บริการรักษาเอชไอวีและอื่นๆ ในกว่า 50 ประเทศ กำลังได้รับผลกระทบจากการขาดเงินช่วยเหลือจาก USAID และเรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์พิจารณาเพื่อกระจายความช่วยเหลืออีกครั้ง จนกว่าจะพบวิธีแก้ปัญหาแบบอื่น มีมาตรการที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการ ซึ่งเรากังวลว่าจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อด้านสุขภาพโลก ดร.เกเบรเยซุสกล่าว โดยยกตัวอย่างโครงการ PEPFAR หรือ แผนฉุกเฉินของประธานาธิบดีเพื่อบรรเทาโรคเอดส์ ที่ต้องหยุดบริการตรวจและป้องกันโรค กับรักษาการติดเชื้อเอชไอวี ในกว่า 50 ประเทศ ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งประกาศจะปลดพนักงานของ USAID ที่ประจำการอยู่ทั่วโลกกว่า 10,000 คน และระงับโครงการช่วยเหลือต่างๆ ทั้งหมดในทันที เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ USAID ใช้งบประมาณราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 0.6% ของการใช้จ่ายรายปีของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยใช้ไปกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในเอเชีย, ภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ทะเลซาฮารา และในยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่คือในยูเครน




