หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ภาวะคลั่งไคล้การทำงานหนัก Toxic Productivity เมื่อโลกเชิดชูคนที่ทำงานหนัก ฉันจะต้องเก่งขึ้น! หยุดคิดถึงงานไม่ได้ พักผ่อนหย่อนใจไม่ได้สักนาทีเดียว

โพสท์โดย sompeansomped

 

Toxic Productivity หรือ ภาวะคลั่งไคล้ความ Productive  รู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ เชื่อว่าเป็นคนที่เก่งขึ้นกว่านี้ได้ ทำให้มากขึ้นกว่านี้ได้ ทำงานหนักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิด จนไม่สนใจอีกเลยว่าได้ทำอะไรสำเร็จแล้วบ้างถ้าทำไม่ได้ ก็จะจมอยู่ในห้วงความรู้สึกผิดกับตัวเอง  ลืมคิดถึงผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคมและไม่รู้สึกผิดต่อตนเอง

 

 

4 สัญญาณเตือนว่ากำลังเข้าสู่ภาวะคลั่งไคล้การทำงานหนัก Toxic Productivity

1.ทำงานหนักเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา หรือความไม่สบายใจบางอย่าง  พยายามทำงานหนักเพื่อให้ลืมช่วงเวลาที่ไม่อยากนึกถึง ใช้ความสำเร็จจากการทำงานเติมเต็มความไม่สบายใจ หรือปัญหาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิด ปัญหาทางการเงิน หรือแม้กระทั่งใช้งานเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธความสัมพันธ์ต่าง ๆ

 

2.พร้อมทำงานทุกเมื่อ ร่างกายและสมองไม่มีกลไกปิดสวิตช์การทำงาน แม้ว่าจะทำอย่างอื่นอยู่ ก็พร้อมกระโจนกลับไปทำงานทุกเมื่อหากมีเหตุฉุกเฉิน หรือต่อให้ไม่มีเหตุฉุกเฉิน แต่ก็คอยมอนิเตอร์งานอยู่ตลอด อย่างเช่น เช็กไลน์ เช็กอีเมล เพราะกลัวจะพลาดอะไรไป

 

 

3.มองว่าคุณค่าตัวเองขึ้นอยู่กับเนื้องาน  รู้สึกว่าตัวเองจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้สร้างผลงานดี ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งที่ความจริงคุณค่าของมนุษย์ไม่ได้ผูกพันกับแค่เรื่องงานเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์ ชีวิตประจำวัน ความสนใจก็ล้วนเป็นส่วนประกอบของคุณค่าในตัวเราทั้งนั้น

 

4.ให้ความสำคัญกับการทำงานจนละเลยสิ่งต่าง ๆ มองว่า งาน คือ ทุกอย่างของชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่สุด จนลืมที่จะใส่ใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ลืมว่าชีวิตหนึ่งเราไม่ได้มีแค่บทบาทของพนักงาน แต่เรายังมีฐานะเป็นเพื่อน เป็นลูกของพ่อแม่ และเป็นมนุษย์ที่ต้องการเวลาพักผ่อนให้กับตัวเอง 

 

 

ผลเสียของ Toxic Productivity

 

 

 

 

 

 

วิธีเอาตัวรอดจาก Toxic Productivity

1.มองหาสัญญาณของปัญหา สำรวจตัวเองว่าเข้าข่าวภาวะ Toxic Productivity หรือไม่ ลองสังเกตพฤติกรรมชีวิตประจำวันของตัวเอง อย่างเช่น รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา นอนไม่เต็มอิ่ม ตื่นมาไม่สดใส ใช้เวลากับงานชิ้นใดชิ้นหนึ่ง หรือการประชุมใด ๆ มากเกินความจำเป็น เพราะลึก ๆ แล้วอยากให้คนอื่นรับรู้ว่าเรากำลังทำงานหนัก

ลองมานั่งคิดดูว่า

 

 

 

สิ่งที่ต้องค้นหาต่อไป คือ อะไร เป็นสิ่งที่สังคมบอกเราว่าสำคัญ และอะไร เป็นสิ่งที่สำคัญจริง ๆ สำหรับชีวิตของเรา เพื่อให้เรารักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนอื่นที่ต้องเรียนรู้ได้ดีขึ้น

 

 

2.หยุดตั้งคำถามทำนองว่า “ตอนนี้ฉันควรทำอะไรกันแน่?”

 

 

 

ลองเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น ‘เราจะไปทำอะไรเพื่อพักผ่อนหย่อนใจดีนะ’ เพื่อให้เราตัดชีวิตการทำงานออกไปในช่วงเวลาที่เราต้องพักผ่อนอย่างสิ้นเชิง และเพื่อเตรียมพร้อมให้เราเริ่มต้นทำงานในวันใหม่อีกครั้ง

 

 

3.เจ้านายไม่ได้สนใจคุณตลอดเวลาอย่างที่คิด

อย่าไปสนใจว่า เจ้านายจะเห็นคุณค่าจากการทำงานหนักของคนอื่นมากกว่าเราหรือไม่ เขาไม่ได้สนว่าคุณจะใช้เวลาทุ่มเทให้งาน 8 ชั่วโมงหรือ 24 ชั่วโมง ตราบใดที่ผลลัพธ์ออกมาไม่ต่างกัน

 

ใช้ชีวิตให้มีความสุข ชีวิตของเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่างเดียวและจากไป ยังมีอะไรอีกหลายด้านให้ค้นหา แค่เพียงเรารับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย และส่งงานตามกำหนดเวลาครบถ้วนก็เพียงพอแล้ว

 

4.รักตัวเองให้มาก 

รักตัวเองด้วยการใส่ใจชีวิตประจำวันเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น การกินข้าวให้ครบ 3 มื้อ หาเวลาไปออกกำลังกายบ่อย ๆ รู้จักแยกแยะชีวิตส่วนตัวและชีวิตงาน “งานเป็นงาน เรื่องส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนตัว!” งานไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต หลังจากเหนื่อยล้าจากการเป็นพนักงานที่ดีมาตลอดทั้งวัน อย่าลืมเป็นคนที่ดีของตัวเองด้วยนะ

 

 

5.เปลี่ยน ‘Toxic Productivity’ ให้เป็น ‘Professional Detachment’  

ทักษะสำคัญที่จำเป็นต้องฝึกฝน คือ Professional Detachment หรือ ทักษะในการแยกอารมณ์ และ ความรู้สึกของตัวเองออกจากงาน เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจด้วยหลักเหตุและผล

 

ทักษะนี้ จะช่วยให้เราจัดการอารมณ์และความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำงานได้ดีขึ้น แบ่งแยกชีวิตการทำงาน และ ชีวิตส่วนตัวออกจากกันได้อย่างชัดเจน รักษาสมดุลระหว่างการทำงาน และ การพักผ่อนให้มีความสุข

 

6.อย่าถูก ‘วัฒนธรรมเร่งรีบ’ กลืนกิน

หมั่นถามตัวเองเสมอว่า

 

 

 

ระลึกไว้เสมอว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่าง หรือ เป็นทุกอย่างที่สังคมต้องการ ให้ความสำคัญกับ ‘ความสมดุลในชีวิตให้มาก ๆ’ อย่ากระโดดเข้าไปทุกอย่างที่สังคมชี้นิ้วบอก

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sompeansomped's profile


โพสท์โดย: sompeansomped
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: momon
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เช็คสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ใครได้บ้าง? ใช้จ่ายอย่างไร?ยอมสึกแต่โดยดี ได้บวชมา 20 ปีหุงข้าวกินเองยังไม่เป็น จากนี้จะไปทำอะไรเคล็ดลับดูแลตัวเองให้หน้าเด็ก อ่อนเยาว์ของอียองเอ "แดจังกึม" วัย 54 ปีหนุ่มเฝ้าแฟนสาวป่วยมะเร็งที่โรงพยาบาล แต่ช่วยดูแลผู้ป่วยทุกคนเหมือนญาติคนนึง น่ารักมากๆจากตามหาคนหาย สู่ คดีฆๅตกรรมอำพราง 3 ศwพี่หนุ่ม โทรตรงหา ดีเจแมน ในรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์เก๋งนิสัยพัง!! จอดซื้อพวงมาลัยแยกไฟแดง 9 พวง แล้วชิ่ง ล่าสุดออกมาขอโทษแล้วอ้างป่วย คนป่วยขับรถได้ แต่จ่ายเงินค่าพวงมาลัยไม่ได้เหรอ 😤หลุดชื่อเต็มๆ ดีเจแมน โฟนอินเดือด ซัดกลับคนสนิทภรรยา ปมตบทรัพย์เพจดังเตือน!! นักดื่มคอทองแดง ดื่มเยอะ ตับแข็ง อ้วกเป็นเลือด บางคนได้เป็นกาลามังบัตรคนจนปี 68 มาแล้ว! เช็กคุณสมบัติ 2 กลุ่มรับสิทธิ์ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ✨เหลือเชื่อ!! มดบางชนิดถูกนำมาใช้สำหรับเย็บแผลที่ฉีกขาดความสำคัญของความรักกับวันวาเลนไทน์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เหลือเชื่อ!! มดบางชนิดถูกนำมาใช้สำหรับเย็บแผลที่ฉีกขาด20 คำอวยพรภาษาอังกฤษที่จึ้งๆ ที่ทำให้ชีวิตดูดีขึ้น!หนุ่มเฝ้าแฟนสาวป่วยมะเร็งที่โรงพยาบาล แต่ช่วยดูแลผู้ป่วยทุกคนเหมือนญาติคนนึง น่ารักมากๆเช็คสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ใครได้บ้าง? ใช้จ่ายอย่างไร?บัตรคนจนปี 68 มาแล้ว! เช็กคุณสมบัติ 2 กลุ่มรับสิทธิ์ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ✨
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
ความสำคัญของความรักกับวันวาเลนไทน์ทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก (Triangular Theory of Love) องค์ประกอบของความสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความรัก และ ประเภทของความรักในรูปแบบต่าง ๆอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะเล็ดในผู้หญิง เรื่องไม่เล็กสำหรับผู้หญิงฟีลแฟน แต่ไม่ใช่แฟน Situationship ใส่ใจ แต่ไร้สถานะ สนิทกว่าเพื่อน แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นแฟน
ตั้งกระทู้ใหม่