CoolSculpting ดีจริงไหม? ลดไขมันง่าย ๆ แบบปลอดภัย
CoolSculpting ดีจริงไหม? ลดไขมันง่าย ๆ แบบปลอดภัย
CoolSculpting คืออะไร
CoolSculpting คือ เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็นที่คิดค้นโดยทีมแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard Medical School) โดยใช้ความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง (-11 ถึง -13 °C) ทำให้เซลล์ไขมัน (Subcutaneous Fat) ตายผ่านกระบวนการ Apoptosis หรือการตายของเซลล์อย่างถาวร เซลล์ไขมันที่ตายจะถูกกำจัดออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ เช่น ผ่านระบบน้ำเหลือง ปัสสาวะ หรืออุจจาระ โดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผล ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
CoolSculpting เป็นนวัตกรรมการสลายไขมันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA (Food and Drug Administration) และมีงานวิจัยกว่า 70 ฉบับรองรับถึงประสิทธิภาพในการลดไขมันส่วนเกินได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลจริง
CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ทำงานอย่างไร ?
การ สลายไขมันด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายอย่างปลอดภัย โดยใช้หลักการที่เรียกว่า Cryolipolysis ซึ่งเป็นการใช้ความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง (-11 ถึง -13 °C) เพื่อทำให้เซลล์ไขมันในบริเวณที่ต้องการลดไขมันตายลง (Apoptosis) โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อหรือเซลล์อื่น ๆ รอบข้าง
หลักการทำงานของการสลายไขมันด้วยความเย็น
- ส่งพลังงานความเย็นผ่านชั้นผิวหนัง
เครื่อง CoolSculpting จะส่งความเย็นระดับจุดเยือกแข็งไปยังบริเวณที่มีไขมันสะสม
- ทำลายเซลล์ไขมัน
เซลล์ไขมันไม่สามารถทนต่อความเย็นจัดได้ เมื่อได้รับความเย็นจะเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis หรือการตายของเซลล์แบบถาวร
- กำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกาย
หลังจากเซลล์ไขมันตายลง ร่างกายจะกำจัดเซลล์เหล่านี้ผ่านระบบน้ำเหลืองและกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย
จุดเด่นของ CoolSculpting
- CoolSculpting ช่วยกำจัดไขมันถาวร เซลล์ไขมันที่ถูกกำจัดด้วย CoolSculpting จะไม่สามารถกลับมาได้อีก หากผู้เข้ารับบริการควบคุมน้ำหนักและพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม
- CoolSculpting มีความปลอดภัยสูง กระบวนการ CoolSculpting ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีดยาชา ไม่มีการเจาะผิว หรือใช้เข็ม ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือเกิดรอยแผล
- CoolSculpting สะดวก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังการทำ CoolSculpting ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานได้ทันที
- CoolSculpting ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้ผลจริง CoolSculpting สามารถลดไขมันเฉพาะจุดที่กำจัดออกยาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว เหนียง หรือไขมันใต้ก้น
- CoolSculpting ใช้เวลาในการทำไม่นาน ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีต่อบริเวณ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อย
CoolSculpting ทำบริเวณไหนได้บ้าง ?
- ใบหน้า เช่น หนียง ใต้คาง
- หน้าอก เช่น หน้าอกผู้ชาย (Gynecomastia)
- แขน เช่น ต้นแขนใน ต้นแขนนอก
- ลำตัว เช่นหน้าท้อง รอบเอว ปีกหลัง
- ขา เช่น ต้นขาด้านใน ต้นขาด้านนอก
- บริเวณเฉพาะ เช่น ใต้ก้น (Banana Roll) เหนือหัวเข่า
CoolSculpting มีกี่หัว แตกต่างกันอย่างไร?
เครื่อง CoolSculpting มีหัวอุปกรณ์ทั้งหมด 5 แบบ แต่ละแบบถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การลดไขมันในบริเวณที่แตกต่างกัน โดยมีการใช้ระบบสุญญากาศช่วยดูดไขมันบริเวณเป้าหมาย ทำให้เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาสั้นกว่า และให้ผลลัพธ์ที่ถาวร สามารถใช้งานได้ในหลากหลายบริเวณทั่วร่างกาย ดังนี้:
- CoolAdvantage
เป็นหัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้ในประมาณ 60-70% ของเคสทั้งหมด เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันปานกลาง ใช้งานได้หลากหลายบริเวณ เป็นหัวหลักที่ใช้กับไขมันขนาดมาตรฐาน บริเวณที่ใช้ได้ ได้แก่ หน้าท้อง, เอว, ต้นแขน, หน้าอกผู้ชาย, ปีกหลัง, ต้นขาด้านใน และใต้ก้น
- CoolAdvantage Petite
ใช้ในบริเวณที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันไม่หนามาก หรือผู้ที่มีรูปร่างเล็ก หรือเคยใช้หัว CoolAdvantage มาก่อนและต้องการลดไขมันเพิ่มเติม บริเวณที่ใช้ได้ ได้แก่ หน้าท้อง, เอว, ต้นแขน, หน้าอกผู้ชาย, ปีกหลัง, ต้นขาด้านใน และใต้ก้น
- CoolAdvantage Plus
หัวขนาดใหญ่ เหมาะกับการลดไขมันในบริเวณกว้าง ทำให้ลดไขมันได้เร็วขึ้นสำหรับพื้นที่ที่มีปริมาณไขมันเยอะ เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมเยอะ บริเวณที่ใช้ได้ ได้แก่ หน้าท้อง และเอว
- CoolMini
หัวขนาดเล็กที่สุด ใช้กำจัดไขมันเฉพาะจุดในพื้นที่เล็ก ๆ และเหมาะกับบริเวณที่เข้าถึงยาก เหมาะสำหรับบริเวณที่เล็กและซับซ้อน เช่น ใบหน้าและคอ บริเวณที่ใช้ได้ ได้แก่ เหนียงใต้คาง, นมน้อย (เนื้อใต้รักแร้), เนื้อเหนือหน้าอกของผู้หญิง และเนื้อย้วยเหนือเข่า
- CoolSmooth Pro
ออกแบบสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้หัวแบบสุญญากาศได้ ให้ผลลัพธ์ที่ดีในพื้นที่ที่มีไขมันแบนหรือเรียบ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีความยืดหยุ่นมาก หรือพื้นที่ที่แบนเรียบ บริเวณที่ใช้ได้ ได้แก่ ต้นขาด้านนอก, ใต้สะโพก (บางคลินิกใช้สำหรับสร้าง sixpack)
CoolSculpting เห็นผลจริงไหม?
จากงานวิจัยทางการแพทย์ CoolSculpting สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ 24-27% ต่อการทำ 1 ครั้ง โดยผลลัพธ์จะเริ่มเห็นในช่วง 4-12 สัปดาห์ และจะเห็นผลเต็มที่ในระยะเวลา 3 เดือน ผู้เข้ารับบริการสามารถทำซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ หากต้องการลดไขมันเพิ่มเติม ทั้งนี้ CoolSculpting ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง และเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยสูง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.romrawinclinic.com/body-contouring-shaping/program-coolsculpting
CoolSculpting เหมาะกับใคร?
CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะจุดและปรับรูปร่างให้สมส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น ซึ่งกลุ่มคนที่เหมาะกับ CoolSculpting ได้แก่
- CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา หรือเหนียง ที่ลดได้ยากแม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร
- CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างให้สมส่วน หรือผู้ที่มีรูปร่างโดยรวมดีอยู่แล้ว แต่ต้องการลดไขมันส่วนเกินในจุดที่ไม่กระชับ
- CoolSculpting เหมาะกับคุณแม่หลังคลอด หรือผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง หรือส่วนอื่น ๆ หลังการตั้งครรภ์ และต้องการคืนรูปร่างเดิม
- CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ผู้ที่มีตารางงานแน่น หรือไม่สะดวกที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการสลายไขมันอย่างยั่งยืน CoolSculpting ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวร หากควบคุมน้ำหนักและการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม
- CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการดูดไขมัน หรือการผ่าตัดที่อาจมีความเสี่ยง และต้องใช้เวลาพักฟื้น
CoolSculpting ไม่เหมาะกับใคร?
แม้ CoolSculpting จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดี แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ โดยไม่เหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ความเย็น ผู้ที่มีภาวะลมพิษจากความเย็น (Cold Urticaria) หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับความเย็น เช่น Cryoglobulinemia, Paroxysmal Cold Hemoglobinuria
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ เช่น ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือด (Coagulation Disorders)
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรรอจนกว่าจะพ้นช่วงให้นมบุตรหรือการตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัย
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน หากต้องการทำบริเวณหน้าท้อง ควรรอให้พ้นช่วงมีประจำเดือนเพื่อลดความไม่สบายตัว
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมมากเกินไป CoolSculpting เหมาะสำหรับการลดไขมันเฉพาะจุด ไม่ใช่การลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดในบริเวณที่ต้องการทำ CoolSculpting
ควรรอให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ก่อน - CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไส้เลื่อน หรือเคยผ่าตัดในบริเวณที่ต้องการทำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือในบริเวณดังกล่าว
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์โลหะในร่างกาย
ข้อดีและข้อจำกัดของ CoolSculpting
ข้อดีของ CoolSculpting
- กำจัดไขมันได้ถาวร
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่มีบาดแผลหรือพังผืดใต้ผิวหนัง
- ปลอดภัย ไม่กระทบเนื้อเยื่อข้างเคียง
ข้อจำกัดของ CoolSculpting
CoolSculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ต่อไปนี้
- โรคแพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น
- โรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีอาการไส้เลื่อน
- ผู้ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
ไขมันส่วนเกินในร่างกาย คืออะไร?
ไขมันส่วนเกินในร่างกาย (Excess Fat) คือ ไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมากเกินความจำเป็นและไม่ได้ถูกใช้เป็นพลังงาน โดยไขมันเหล่านี้อาจเกิดจากการบริโภคอาหารที่มีแคลอรีเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ รวมถึงการมีกิจกรรมทางกายภาพที่ไม่เพียงพอ ไขมันส่วนเกินสามารถสะสมได้ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว หลัง และใต้คาง (เหนียง) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและรูปร่างได้ในหลายด้าน
ประเภทของไขมันในร่างกาย
- ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
ไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังและเป็นชั้นไขมันที่มองเห็นหรือสัมผัสได้ เช่น ไขมันที่ต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง ไม่เป็นอันตรายมากนักหากอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่เมื่อสะสมมากเกินไป อาจส่งผลต่อรูปร่าง
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
ไขมันที่สะสมรอบอวัยวะภายใน เช่น ตับ ลำไส้ และหัวใจ เป็นไขมันที่มีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
- ไขมันในกล้ามเนื้อ (Intramuscular Fat)
ไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ พบได้ในปริมาณน้อยในร่างกายทั่วไป แต่เมื่อสะสมมากเกินไป อาจทำให้การเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดลง
สรุป
การสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting เป็นวิธีการลดไขมันเฉพาะจุดที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลลัพธ์จริงในเวลาไม่นาน ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองระดับโลก หากคุณกำลังมองหาวิธีปรับรูปร่างที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ CoolSculpting ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด!















