รัก "ต้องห้าม"...แต่ใจ "ต้องโดน"
จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย – เมื่อหัวใจมันไม่ฟังเหตุผล
โอ๊ยยย...เรื่อง "รักต้องห้าม" นี่มันเป็นอะไรที่คลาสสิกมากๆ เลยนะ เหมือนละครหลังข่าวที่เราดูกันทุกวัน แต่พอมาเจอกับตัวเองนี่สิ ถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้สนุกเหมือนในทีวีเลยสักนิด (ฮ่าๆ) คือแบบว่า...มันเริ่มจากความรู้สึกที่เหมือนผีเสื้อบินว่อนในท้องอะ เข้าใจฟีลนั้นป่ะ? ไอ้ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าคนนี้ "น่าสนใจ" "คุยด้วยแล้วสบายใจ" หรือ "ทำไมเค้าดูมีเสน่ห์จัง" อะไรประมาณนี้แหละ แต่พอความรู้สึกมันเริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้นแหละ สเต็ปต่อไปคือเริ่ม "ส่อง" IG "แอบดู" Story แล้วก็เริ่มคิดถึงเค้าตลอดเวลาแบบไม่มีเหตุผล โธ่...ชีวิต!
ทีนี้ ไอ้ความซวยมันเริ่มตรงที่ว่า...ความสัมพันธ์ของเรากับเค้ามันดัน "ไม่ควร" ไง คืออาจจะเป็นเพราะเค้ามีแฟนแล้ว หรือเป็นเพื่อนสนิทที่เราไม่ควรคิดเกินเลย หรือเป็นคนที่อยู่ในสถานะที่เราไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกได้ หรืออาจจะต่างศาสนา ต่างชนชั้น ต่างวัย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ความรักครั้งนี้มันกลายเป็น "รักต้องห้าม" ขึ้นมาซะงั้น คือแบบ...ชีวิตจริงมันไม่ได้มีแค่ happy ending เหมือนในนิทานนะเว้ย! แล้วไอ้ความรู้สึกรักเนี่ย มันก็เป็นอะไรที่โคตรจะดื้อด้านเลยนะ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุอะ ยิ่งรู้ว่าไม่ควรก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งรู้ว่าไปต่อไม่ได้ก็ยิ่งโหยหา คือมันเป็นอะไรที่ "วุ่นวาย" ในหัวใจมาก
แล้วความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่แค่ "ชอบ" เฉยๆ นะเว้ย มันคือความรู้สึกที่ "ผูกพัน" ลึกซึ้งถึงขั้นที่ว่าอยากจะดูแล อยากจะปกป้อง อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา คือมันเป็นความรู้สึกที่ "จริงจัง" มาก แต่ทำอะไรไม่ได้ไง...ได้แต่เก็บไว้ในใจแล้วก็เจ็บปวดกับมันเงียบๆ เหมือนคนเป็นบ้า ฮ่าๆ แล้วก็เป็นที่มาของอาการ "นอยด์" "คิดมาก" "จิตตก" ที่ตามมาเป็นพรวน
สงครามในใจ – เมื่อความรักต้องสู้กับเหตุผลและสังคม
พอมาถึงจุดที่รู้ตัวว่า "รักต้องห้าม" นี่คือสงครามในใจของจริงเลยนะเว้ย คือมันเป็นศึกระหว่าง "หัวใจ" กับ "สมอง" ที่แบบว่าตีกันนัวเนียอยู่ในหัวตลอดเวลา คือหัวใจมันก็จะบอกว่า "ไปเลย! สู้! รักเค้าก็บอกเค้าไปสิ!" ส่วนสมองมันก็จะบอกว่า "เฮ้ย! ไม่ได้! อย่าทำอะไรโง่ๆ! มันผิด! มันไม่ควร!" แล้วไอ้สองฝ่ายนี้มันก็จะสู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร แล้วเราก็คือผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องรับผลกระทบไปเต็มๆ ทั้งความรู้สึกดีใจเวลาที่ได้เจอเค้า แล้วก็ความรู้สึกผิดและความกลัวที่ตามมาเมื่อรู้ว่าเรากำลังทำอะไรที่ไม่ควร
แล้วไอ้เรื่องรักต้องห้ามนี่ มันไม่ได้มีแค่เรื่องความรู้สึกของคนสองคนนะ มันมีเรื่อง "สังคม" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเว้ย คือสังคมที่เราอยู่เนี่ย มันก็มีกรอบ มีกฎเกณฑ์ที่วางไว้ใช่มั้ย? แล้วไอ้เรื่องความรักแบบนี้เนี่ย มันก็มักจะไม่ค่อยอยู่ในกรอบนั้นเท่าไหร่ไง แล้วพอเราไปทำอะไรที่มันไม่ตรงกับที่สังคมคาดหวังไว้ มันก็จะเกิดแรงกดดันจากคนรอบข้างตามมาอีก คือแบบ...ต้องมานั่งรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ ต้องมานั่งตอบคำถามที่แบบว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนี้" "ทำไมถึงทำแบบนั้น" คือแบบ...มันเหนื่อยใจมากนะเว้ย
แล้วก็ไม่ใช่แค่แรงกดดันจากคนอื่นนะ เราเองนี่แหละที่กดดันตัวเองมากที่สุด คือมันจะมีความรู้สึกผิดตามมาตลอดเวลาว่า "เรากำลังทำผิดอยู่" "เรากำลังทำให้คนอื่นเสียใจอยู่" "เรากำลังทำลายความสัมพันธ์ที่ดีอยู่" คือความรู้สึกผิดพวกนี้มันเหมือนหนามที่คอยทิ่มแทงใจเราอยู่ตลอดเวลาอะ แล้วมันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองเข้าไปอีก
บางทีเราก็คิดนะว่า "ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ?" "ทำไมความรักมันถึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขนาดนี้?" คือบางทีเราก็แค่อยากจะรักใครสักคนแบบไม่ต้องมีเงื่อนไข ไม่ต้องมีข้อจำกัด ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมาขวางกั้น แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ไง...เพราะชีวิตจริงมันไม่ใช่ในละคร แล้วพอคิดไปคิดมา มันก็ยิ่งปวดหัวเข้าไปอีก ฮ่าๆ
ทางเลือกที่ไม่มีคำตอบ – เมื่อต้องเลือกระหว่างความสุขกับความถูกต้อง
แล้วพอมาถึงจุดที่ความรักมันเริ่มจริงจังมากขึ้น ไอ้คำถามที่ว่า "เราจะเอายังไงกับความสัมพันธ์นี้ดี?" มันก็เริ่มดังขึ้นในหัวบ่อยๆ คือเราต้องมานั่งคิดแล้วว่า "เราจะเลือกอะไรระหว่างความสุขของเราเอง หรือความถูกต้องในสายตาคนอื่น?" คือมันเป็นทางเลือกที่โคตรจะยากเลยนะเว้ย เพราะไม่ว่าเราจะเลือกทางไหน มันก็ต้องมีคนเจ็บปวดอยู่ดี
ถ้าเราเลือกที่จะ "เดินหน้าต่อ" กับความรักนี้ เราก็อาจจะต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการยอมรับจากคนรอบข้าง เรื่องความสัมพันธ์ที่อาจจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ แล้วก็เรื่องความรู้สึกผิดที่เราต้องแบกรับไว้ตลอดเวลา คือมันอาจจะไม่ใช่ชีวิตที่มีความสุขเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ได้ทำตามหัวใจตัวเอง ได้อยู่กับคนที่เรารัก ถึงแม้ว่ามันจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายก็ตาม
แต่ถ้าเราเลือกที่จะ "ถอยหลัง" แล้วตัดใจจากความรักนี้ มันก็อาจจะทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นในระยะสั้น คือเราอาจจะไม่ต้องมานั่งเจ็บปวดกับความสัมพันธ์ที่มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็จะต้องมานั่งเสียใจกับความรักที่เราต้องปล่อยไป แล้วไอ้ความเสียใจแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่หายกันได้ง่ายๆ นะเว้ย มันอาจจะติดอยู่ในใจเราไปอีกนานเลยก็ได้
แล้วบางทีมันก็จะมีคำถามขึ้นมาในหัวอีกว่า "ถ้าเราเลือกที่จะไม่ทำตามที่สังคมคาดหวังไว้ เราจะกลายเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า?" "ถ้าเราเลือกที่จะทำตามหัวใจตัวเอง เราจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนมากเกินไปหรือเปล่า?" คือคำถามพวกนี้มันเป็นอะไรที่ไม่มีคำตอบที่ตายตัวไง แล้วมันก็ยิ่งทำให้เราสับสนแล้วก็ลังเลเข้าไปอีก แล้วพอคิดไปคิดมา มันก็ยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ ฮ่าๆ
บทเรียนที่ได้เรียนรู้ – ความรักสอนให้เราเติบโต
ถึงแม้ว่าเรื่อง "รักต้องห้าม" มันจะโคตรจะปวดหัว แล้วก็ทำให้เราเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเลยนะเว้ย คือมันเหมือนเป็นครูที่สอนให้เราเข้าใจความรักในมุมมองที่แตกต่างออกไป
อย่างแรกเลยคือมันสอนให้เรารู้ว่า "ความรักมันไม่ได้มีแค่ด้านเดียว" คือมันไม่ได้มีแค่ความสุข ความหวานชื่น แต่มันยังมีความทุกข์ ความเจ็บปวด ความผิดหวัง และความเสียใจที่มาพร้อมกับมันด้วย แล้วมันก็สอนให้เรารู้ว่า "ความรักมันไม่ใช่เรื่องง่าย" ที่เราจะสามารถควบคุมมันได้ คือบางทีเราก็แค่รักใครสักคน โดยที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม แล้วไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันก็เป็นอะไรที่ "ซับซ้อน" มากกว่าที่เราคิด
แล้วมันยังสอนให้เรารู้ว่า "ความรักมันไม่ได้มีแค่คนสองคน" คือมันยังมีเรื่องของคนรอบข้างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แล้วเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความรู้สึกของคนอื่นๆ ที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับความรักของเรา แล้วมันก็สอนให้เรารู้ว่า "ความรักมันต้องใช้ความอดทน" คือมันไม่ใช่เรื่องที่เราจะสามารถทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง แล้วบางทีเราก็ต้องยอมเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ
แล้วไอ้เรื่องรักต้องห้ามนี่ มันก็สอนให้เรา "รู้จักตัวเอง" มากขึ้นด้วยนะ คือมันทำให้เราได้สำรวจความรู้สึกของตัวเอง ได้เรียนรู้ว่าเราต้องการอะไรจริงๆ ได้รู้ว่าเราพร้อมที่จะเสียสละอะไรเพื่อความรัก แล้วมันก็ทำให้เราเติบโตขึ้นในฐานะของ "คนๆ หนึ่ง" ที่ผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากมาได้
บทสรุปที่ไม่ตายตัว – ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
สุดท้ายแล้วเรื่อง "รักต้องห้าม" มันก็ไม่ได้มีบทสรุปที่ตายตัวเสมอไป บางคนอาจจะเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปกับความรักนี้ แล้วก็เผชิญกับปัญหาที่ตามมา แต่บางคนก็อาจจะเลือกที่จะตัดใจ แล้วปล่อยให้มันเป็นแค่ความทรงจำที่สวยงาม คือไม่ว่าเราจะเลือกทางไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือถูกเสมอไป มันก็แค่เป็นทางเลือกที่เราตัดสินใจแล้วว่ามันดีที่สุดสำหรับเราในเวลานั้น
แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ "การยอมรับ" คือการยอมรับว่าความรักครั้งนี้มันไม่เป็นไปตามที่เราหวังไว้ แล้วก็ยอมรับในความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่ามันจะเป็นความสุข ความเศร้า หรือความผิดหวัง คือเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ แล้วก็ก้าวเดินต่อไปในชีวิต
แล้วก็อย่าลืมว่า "ชีวิตมันยังต้องดำเนินต่อไป" คือถึงแม้ว่าเรื่องรักต้องห้ามมันจะทำให้เราเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหยุดอยู่กับมันตลอดไป เรายังสามารถที่จะมีความสุขได้ ยังสามารถที่จะรักใครสักคนได้อีก เพียงแต่เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แล้วก็พยายามที่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก
แล้วก็อยากจะบอกทุกคนที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ "รักต้องห้าม" ว่า "คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะ" คือมันมีคนอีกมากมายที่เคยเจอกับเรื่องแบบนี้ แล้วคุณก็ไม่ใช่คนเดียวที่ต้องแบกรับความรู้สึกพวกนี้ไว้ คืออยากจะให้กำลังใจทุกคน แล้วก็หวังว่าทุกคนจะสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดีนะ