รู้ไว้ก่อนเสี่ยง! ส่วนของปลาที่ห้ามกิน อันตรายถึงชีวิต!
ปลาเป็นอาหารยอดนิยมที่คนทั่วโลกบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำจืดหรือปลาทะเล ปลามักถูกมองว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและอุดมไปด้วยไขมันดีอย่างโอเมก้า-3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เรารับรู้ถึงข้อดีของการบริโภคปลา หลายคนอาจไม่รู้ว่าปลาบางชนิดหรือบางส่วนของปลานั้นมีพิษหรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตหากบริโภคเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
ปลานั้นดูเหมือนจะเป็นอาหารที่ปลอดภัยและไร้พิษภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปลาหลายชนิดมีส่วนที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหากรับประทานเข้าไป บางชนิดมีสารพิษธรรมชาติที่สะสมอยู่ในร่างกาย ขณะที่บางส่วนของปลาสามารถกักเก็บโลหะหนักหรือสารพิษจากสิ่งแวดล้อมไว้โดยไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าตกใจคือ “ปลาปักเป้า” ซึ่งเป็นปลาที่มีชื่อเสียงเรื่องความอันตราย หากเรานึกถึงปลาปักเป้า คนส่วนใหญ่อาจคิดถึงรสชาติอันล้ำลึกของปลาฟุกุในอาหารญี่ปุ่น แต่สิ่งที่น้อยคนนักจะรู้คือ ตับและรังไข่ของปลาชนิดนี้มีสารพิษชื่อว่า “เตโตรโดท็อกซิน” (Tetrodotoxin) ซึ่งเป็นพิษที่ร้ายแรงกว่าสารไซยาไนด์ถึง 1,200 เท่า หากบริโภคเข้าไปในปริมาณที่เพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตและหยุดการทำงานของระบบทางเดินหายใจได้ทันที
ปลาบางชนิด เช่น ปลาสากหรือปลาหางแข็ง อาจมีสารพิษจากสาหร่ายในมหาสมุทรสะสมอยู่ในตัว ซึ่งเรียกว่าสารพิษ “ซิกวาเทอรา” (Ciguatera) พิษชนิดนี้ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่สามารถทำลายได้ด้วยความร้อนจากการปรุงอาหาร ผู้ที่ได้รับสารพิษนี้เข้าไปอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ยังมี “ปลาน้ำเงิน” หรือปลาที่มักพบในทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาฉลาม และปลาแมคเคอเรล ปลาพวกนี้มักสะสมสารปรอทในระดับสูงเช่นเดียวกัน การบริโภคปลาน้ำเงินในปริมาณมากและต่อเนื่องอาจทำให้เกิดพิษสะสมในร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมอง ระบบประสาท และหัวใจ
ส่วนที่อันตรายของปลา
แม้แต่ในปลาธรรมดาที่เราบริโภคกันเป็นประจำ ยังมีบางส่วนที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น
ตับของปลา: ตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองสารพิษในร่างกายของปลา ทำให้สารพิษต่าง ๆ เช่น โลหะหนัก สารเคมี หรือแม้กระทั่งเชื้อโรค อาจสะสมอยู่ในตับ การบริโภคตับปลาจึงอาจทำให้ร่างกายรับสารพิษสะสมโดยไม่รู้ตัว
ถุงน้ำดี: ถุงน้ำดีของปลามีเอนไซม์และสารเคมีที่มีหน้าที่ช่วยย่อยอาหารในตัวปลา หากรับประทานถุงน้ำดีเข้าไป อาจก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือแม้แต่เป็นพิษต่อระบบย่อยอาหารได้
หัวของปลา: หัวปลาบางชนิด โดยเฉพาะหัวปลาน้ำลึก เช่น หัวปลาฉลามหรือหัวปลากระเบน อาจมีสารพิษสะสมจากสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง
พิษจากการเตรียมปลาที่ไม่เหมาะสม
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการบริโภคปลาคือวิธีการเตรียมปลา หากปลาที่ใช้ปรุงอาหารไม่ได้รับการล้างทำความสะอาดอย่างถูกต้อง หรือปลาที่ไม่ได้ถูกแช่เย็นในอุณหภูมิที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา หรือเชื้อวิบริโอ ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้
การเตรียมปลาดิบหรือซาซิมิที่ไม่สะอาด ยังเสี่ยงต่อการรับปรสิต เช่น พยาธิอะนิซาคิส (Anisakis) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและต้องได้รับการรักษาโดยทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคปลา สิ่งที่เราควรทำคือการเลือกปลาที่สดและมีคุณภาพจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หากซื้อปลาจากตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ควรตรวจสอบว่าปลามีกลิ่นคาวที่สดใหม่ ตาใส ไม่ขุ่น และไม่มีลักษณะเน่าเสีย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงปลาที่จับมาจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีหรือโลหะหนัก
ในทุกมื้อที่มีปลาเป็นอาหาร สิ่งสำคัญที่สุดคือความใส่ใจในการเลือกและเตรียมปลา แม้ว่าปลาจะเป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย แต่หากบริโภคโดยไม่รู้ถึงความเสี่ยง อาหารจานโปรดอาจกลายเป็นอันตรายที่แฝงมากับมื้ออาหารของคุณ ดังนั้น รู้เท่าทัน เลือกปลาที่ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงส่วนที่มีความเสี่ยง เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณและครอบครัว















