ย้อนรอยคดีคืนมรณะโศกนาฏกรรมทะเลเพลิงกลางกรุง เสียชีวิต90คนบาดเจ็บอีกนับไม่ถ่วน!
หากค่ำคืนหนึ่งของคุณต้องจบลงด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน แสงไฟที่เคยสว่างไสวกลับกลายเป็นสีแดงฉาน ความโกลาหลของเสียงร้องโหยหวนแทรกซึมไปทุกพื้นที่ในย่านชุมชน และชีวิตผู้คนถูกดับวูบลงอย่างไร้ความปรานี… นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนหนึ่งของกรุงเทพมหานคร คืนที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่กลายเป็นทะเลเพลิงจากเหตุรถแก๊สระเบิด ซึ่งจะถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ไทยไปตลอดกาล
24 กันยายน 2533 เป็นคืนธรรมดาๆ ที่ใครหลายคนกำลังใช้ชีวิตปกติ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ซึ่งมักเต็มไปด้วยผู้คน รถรา และเสียงหัวเราะของร้านค้า กลับต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรถบรรทุกแก๊ส LPG ขนาดใหญ่กำลังแล่นผ่านพื้นที่
เสียงเครื่องยนต์ดังก้องถนน ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด รถบรรทุกแก๊สคันดังกล่าวขับมาอย่างเร็วเกินสมควร คนขับดูเหมือนจะเร่งรีบเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า แต่แล้ว โชคชะตาก็เล่นตลกร้าย รถแก๊สเกิดชนกับรถยนต์อีกคันที่ขับอยู่ข้างหน้า แรงปะทะทำให้ถังแก๊สขนาดยักษ์หลุดจากที่ยึด กระแทกพื้นเสียงดังสนั่น
ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ กลิ่นแก๊สคละคลุ้งไปทั่วอากาศ หลายคนรู้สึกเวียนศีรษะและเริ่มถอยห่างจากจุดเกิดเหตุ แต่ไม่ทันที่ใครจะคิดแก้ไข ทันใดนั้นเอง…
“บึ้มมมม!!!”
เสียงระเบิดที่รุนแรงดังก้องทั่วทั้งย่าน เปลวเพลิงพุ่งขึ้นฟ้าเป็นเหมือนภูเขาไฟระเบิด แก๊สที่รั่วไหลก่อตัวเป็นวงไฟขนาดใหญ่ ลามกินพื้นที่บ้านเรือน รถยนต์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
ผู้คนในย่านนั้นถูกไฟลุกท่วมตัวโดยไม่ทันตั้งตัว หลายคนพยายามหนีเอาชีวิตรอด แต่บางคนไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะลืมตา ผู้เสียชีวิตกว่า 90 คนถูกพบในสภาพที่น่าสยดสยอง ร่างกายไหม้เกรียมจนแทบจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
ผู้บาดเจ็บอีกกว่า 120 คนต้องทนทุกข์ทรมานจากแผลไฟไหม้ บางรายสูญเสียอวัยวะสำคัญ หลายครอบครัวสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปตลอดกาล
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความโศกเศร้า หากยังเป็นเสียงเตือนที่ดังก้องในหัวใจของสังคมไทย หลังจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการเข้มงวดเกี่ยวกับการขนส่งแก๊สและสารไวไฟ
1. จำกัดเวลาขนส่ง: รถบรรทุกแก๊สต้องวิ่งเฉพาะช่วงเวลากลางคืน
2. เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย: ยานพาหนะและระบบขนส่งต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
3. การฝึกซ้อมรับมือ: หน่วยกู้ภัยและชุมชนต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน
หลายปีผ่านไป ถนนเพชรบุรีตัดใหม่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่สำหรับผู้ที่เคยผ่านค่ำคืนมรณะนั้น เสียงระเบิด เสียงกรีดร้อง และภาพเปลวไฟยังคงติดอยู่ในความทรงจำ บางคนเล่าว่า ในยามค่ำคืนที่ถนนเงียบสงัด พวกเขายังคงได้ยินเสียงสะอื้นของวิญญาณผู้เคราะห์ร้าย เหมือนกำลังร้องขอความช่วยเหลือ
“เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่า แต่เป็นความจริงที่โหดร้าย… และเป็นบทเรียนที่สังคมไทยต้องจดจำตลอดไป”