สาวเยอรมันไปเที่ยวเคนยากับแฟน ไปเจอนักรบหนุ่มชาวมาไซแล้วปิ๊ง กลับบ้านเลิกแฟนแล้วหอบผ้าไปอยู่กับเขา จนมีคนเอาเรื่องไปสร้างเป็นหนังหนัง
เรื่องราวของ รักแท้แพ้คนป่า นี้ ต้องย้อนกลับไปในปี 1986 หลังจากที่ โครินน์ ฮอฟมันน์ สาวเยอรมัน ได้เดินทางไปเที่ยวพักร้อนในประเทศเคนยากับ มาร์โก แฟนหนุ่มของเธอ ในตอนนั้นเอง เธอดันไปตกหลุมรักนักรบชนเผ่ามาไซผู้สง่างามคนหนึ่งที่เธอเห็นยืนอยู่ข้างถนน เธอรู้ทันทีว่าเขาคือผู้ชายในฝันของเธอ หญิงสาวชาวเยอรมันที่เติบโตในสวิตเซอร์แลนด์มีร้านขายเสื้อผ้ามือสอง เธอกำลังจะแต่งงานกับช่างไม้ฝีมือดี แต่หลังจากกลับมาจากพักร้อนครั้งนี้ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป หญิงสาวตัดสินใจทิ้งแฟนหนุ่ม ขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มี และเดินทางกลับไปยังเคนยาอีกครั้ง ในปี 1987 โครินน์ในวัย 27 ปี ออกตามหาชายหนุ่มรายนี้จนเจอ และทราบว่าชื่อ อีเคติงกา เลปาร์มอริโจ เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไปอยู่กับเขาในหมู่บ้านชาวมาไซ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้รับการยอมรับจากครอบครัว ทั้งคู่แต่งงานกันและมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน เธอเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบชนเผ่าด้วยการเก็บฟืนและดื่มน้ำจากแม่น้ำ ต่อมาเธอใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายมาเปิดร้านขายของชำเล็กๆ และก็ขายดิบขายดีด้วยความโดดเด่นของตัวเธอเอง แต่ชีวิตของทั้งคู่ไม่ได้ราบรื่นเช่นนั้น หญิงสาวร่างกายผอมซูบลง ขาดสารอาหาร ป่วยเป็นมาเลเรียและตับอักเสบ และที่สำคัญที่สุดก็คือปัญหาความหึงหวงของสามีที่รุนแรง โครินน์ค่อยๆ สูญเสียพลังงานอันน่าเหลือเชื่อของเธอไป จนในที่สุดเธอก็ไม่สามารถทนสามีขี้หึงได้อีกต่อไป และตัดสินใจหอบลูกของเธอกลับสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1990 ซึ่งเป็นเวลา 3 ปี หลังจากทั้งคู่พบกันครั้งแรก และอีเคติงกาก็ไม่เคยได้เจอหน้าลูกสาวของเขาอีกเลย ต่อมาภายหลัง โครินน์ได้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า White Massai เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของเธอในเคนยา และหนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็น Best Seller ระดับนานาชาติ ก่อนที่จะถูกแปลไปหลายภาษา และในปี 2005 เรื่องราวของเธอได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน