ไม่มีวันตกเครื่องแน่นอน!…เมื่อคุณรู้เคล็ดลับเหล่านี้!
เคล็ดลับสุดเจ๋งของอดีตพนักงานสายการบินที่กำลังเป็นไวรัล และง่ายจนน่าเหลือเชื่อ
ทำตามในเช้าวันเดินทาง แล้วคุณจะขอบคุณตัวเองทีหลัง!
หากคุณเคยสับสนกับการหาหมายเลขประตูขึ้นเครื่อง หรือจำไม่ได้ว่าเคลมกระเป๋าอยู่ที่สายพานไหน คุณคงรู้ดีว่าการค้นหาข้อมูลเที่ยวบินหรือกระเป๋าเดินทางนั้นน่าเบื่อแค่ไหน แต่มีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณอัปเดตข้อมูลเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ได้โดยตรงจากมือถือ โดยไม่ต้องพึ่งตั๋วเครื่องบินหรือหน้าจอในสนามบินเลย
เคล็ดลับนี้มาจากดาร์บี้ มาโลนี่ อดีตพนักงานสายการบิน ซึ่งเธอแชร์ผ่าน TikTok ว่าเคล็ดลับอันดับหนึ่งของเธอ (นอกจากการสมัคร TSA PreCheck) ก็คือการส่งข้อความหมายเลขเที่ยวบินไปยังตัวเองและครอบครัวในเช้าวันเดินทาง
หมายเลขเที่ยวบินประกอบด้วยรหัสสายการบิน 2 ตัวอักษรตามด้วยตัวเลข ซึ่งช่วยระบุเที่ยวบินของคุณได้ชัดเจน คุณสามารถหาหมายเลขนี้ได้ในอีเมลยืนยันการจองหรือบัตรโดยสาร เช่น เที่ยวบินของ American Airlines ที่ระบุว่า AA686
หากคุณไม่แน่ใจรหัสสายการบิน คุณสามารถค้นหารหัสได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เมื่อส่งหมายเลขเที่ยวบินไปยัง iPhone ข้อความจะปรากฏลิงก์ที่ช่วยให้คุณตรวจสอบข้อมูลเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ เช่น ตำแหน่งปัจจุบันของเครื่องบิน หมายเลขประตูขึ้นเครื่อง เวลาบินที่คาดการณ์ และสายพานเคลมกระเป๋า หากประตูขึ้นเครื่องมีการเปลี่ยนแปลง ลิงก์นี้จะอัปเดตอัตโนมัติด้วย “ฉันแทบไม่ต้องดูหน้าจอในสนามบินอีกเลย” มาโลนี่กล่าว “นี่คือเคล็ดลับที่ดีที่สุด และฉันคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
วิดีโอของมาโลนี่มียอดไลก์กว่า 1 ล้านครั้ง และคอมเมนต์นับพัน หนึ่งในคอมเมนต์ยอดนิยมระบุว่า “ในฐานะคนที่ต้องบินเพื่องานบ่อยๆ นี่มีประโยชน์มาก!”
แม้ว่าคุณจะสามารถดาวน์โหลดแอปสายการบินเพื่อดูข้อมูลเดียวกันได้ แต่ความอัจฉริยะของวิธีนี้คือการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากลง
ในกรณีที่คุณมีเวลาต่อเครื่องจำกัด และหมายเลขประตูขึ้นเครื่องเปลี่ยนบ่อย คุณสามารถคลิกที่ลิงก์ในข้อความเพื่อดูข้อมูลประตูใหม่ได้ทันทีเมื่อเครื่องลงจอด
หากคุณมีคนมารับที่สนามบิน คุณเพียงแค่ส่งหมายเลขเที่ยวบินให้พวกเขา พวกเขาจะสามารถติดตามความล่าช้าหรือข้อมูลอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอป
“ฉันใช้วิธีนี้บ่อยมากเมื่อมีคนมารับ” มาโลนี่กล่าวในวิดีโอเพิ่มเติม “ฉันจะไม่บอกให้พวกเขาโหลดแอป แต่แค่ส่งลิงก์ไปให้”
ที่มา: buzzfeed