‘Luxury Shaming’ อับอายที่จะอวดว่ารวย เทรนด์เศรษฐีจีนยุคใหม่ เลิกอวดรวย ขอแพงแบบเงียบ ๆ
Luxury Shaming คือ ความรู้สึกว่าการใช้เงินอวดความมั่งคั่ง หรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นเรื่อง ‘รู้สึกผิด’ ‘อายที่จะใช้สินค้าหรู’ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สังคมกำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ความไม่เท่าเทียมทางสังคม หลายคนกำลังเผชิญความกดดันทางการเงิน คือ การที่คนรวยไม่ได้แสดงตัวเองออกมาว่ารวย เพราะกลัวคนภายนอกนินทาว่าอวดรวย
กระแสของ Luxury Shaming เกิดขึ้นได้อย่างไร
กระแสของ Luxury Shaming เห็นได้ชัดใน ‘จีน’ มากที่สุด เพราะจีนกำลังเจอสถานการณ์เศรษฐกิจกำลังอ่อนแอ ทั้งรัฐบาลจีนวางนโยบายประเทศที่มุ่งเน้นให้ผู้คนเกิดความสมถะ ประหยัดมากขึ้น ไม่สนับสนุนแนวคิดการใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย อวดวิถีติดแกลม
“ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (Common Prosperity) ถูกนำเสนอเป็นแนวคิดครั้งแรกโดยเหมา เจ๋อตุง (Mao Zedong) ในช่วงทศวรรษที่ 1950 ต่อมาในปี 2021 รัฐบาลจีนได้นำแนวคิดนี้กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อมุ่งหวังกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงแก่ประชาชนทุกคน
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนได้เริ่มต้นรณรงค์กวาดล้างการ “อวดรวย” บนโลกออนไลน์ และได้ทำการแบนอินฟลูเอนเซอร์บางรายออกจากโซเชียลมีเดียของจีน เนื่องจากพวกเขามักใช้พื้นที่ในการแสดงวิถีชีวิตที่หรูหราเกินงาม
ด้วยเหตุนี้ บรรดาโซเชียลมีเดียจีนจึงปฏิบัติตามระเบียบใหม่นี้ เพื่อแบนคอนเทนต์อวดรวย โดย Douyin หรือติ๊กต็อกจีนกล่าวว่า ได้ลบข้อความจำนวน 4,701 ข้อความ และบัญชีผู้ใช้ 11 บัญชี ส่วน Xiaohongshu กล่าวว่าได้ลบโพสต์ "ผิดกฎหมาย" จำนวน 4,273 โพสต์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และปิดบัญชีผู้ใช้ 383 บัญชี และ Weibo กล่าวว่าได้ลบเนื้อหามากกว่า 1,100 โพส
ส่งผลให้ผู้คนในสังคมเริ่มหันไปเลือกซื้อสินค้าที่เรียบง่ายและมีคุณค่ามากขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อโอ้อวดสถานะทางสังคมลดลงอย่างชัดเจน
จึงเกิดเทรนด์ Luxury Shaming คือ อายที่จะใส่ของแพง เพราะดูอวดรวยสวนกระแสเศรษฐกิจในประเทศจนสุดท้ายคนกลุ่มนี้เลยกลัวจนไม่ช้อปปิ้งซื้อของแพงอะไรเลย
อีกทั้งในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวจีน “มีความพิถีพิถัน” มากขึ้น หลายคนตัดสินใจซื้อสินค้าจากคุณภาพ หรือคุณค่าที่แบรนด์มอบให้ “มากกว่า” มองเพียงชื่อแบรนด์เพียงอย่างเดียว
สรุปว่า Luxury Shaming คือ การที่ผู้คนหลีกเลี่ยงการแสดงออกถึงความร่ำรวยผ่านการบริโภคสินค้าหรูหราอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและค่านิยมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การที่ผู้บริโภคหันมาเน้นความเรียบง่ายและความคุ้มค่าแทนการโอ้อวดความมั่งคั่ง อาจเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเพียงไม่กี่ปี หรืออาจเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมการบริโภคแบบใหม่ในระยะยาวก็เป็นได้
อ้างอิงจาก: https://workpointtoday.com/ls748623-2/
https://www.bangkokbiznews.com/world/1136295
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
ใครที่ยังตั้งรหัสผ่านง่ายๆ รีบเปลี่ยนด่วน! เพราะไม่ปลอดภัยอาจโดนเจาะได้
ไขข้อสงสัย! ลืมอุ่นอาหารจาก 7-11 เอากลับไปขอเวฟที่ร้านทีหลังได้หรือไม่? เปิดคำตอบจาก "น้องเปาเซเว่น"
จะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย
บุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิม
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
พระสงษ์ชาวเวียดนาม ผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องศาสนา
อศาสนิก SBNR (Spiritual But Not Religious) เชื่อเรื่องธรรม จิตวิญญาณ แต่ไม่นับถือศาสนา
เจาะระบบเตือนภัย J-ALERT ระบบเตือนภัยที่ทรงพลังที่สุดในโลก
10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวที่คุณอาจเข้าใจผิด







