บิ๊ก ณทรรศชัยจากพระเอกดังสู่การดิ้นรนชีวิต ขายกางเกงในที่ใส่แล้ว เพื่อความอยู่รอด
หลังจากหมดสัญญากับทางวิกหมอชิตช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ชื่อของ “บิ๊ก-ณทรรศชัย จรัสมาส” ก็กลับมามีกระแสฮือฮาอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในฐานะอดีตพระเอกดังเท่านั้น แต่ด้วยการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ที่เรียกเสียงฮือฮาจากการขายของสุดแปลกอย่าง "กางเกงในใช้แล้ว" เรื่องราวการพลิกผันของเขาเต็มไปด้วยบทเรียนและความดิ้นรนอย่างหนัก บิ๊กเปิดใจเล่าเรื่องทั้งหมดผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ และชีวิตเบื้องหลังที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของเขานั้นมีมุมที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ในช่วงมัธยมปลาย บิ๊ก ณทรรศชัย เล่าว่าเขาได้พบกับทีมงานจาก “อาร์เอสโปรโมชั่น” ซึ่งเข้ามาถ่ายภาพและยื่นนามบัตรชักชวนให้เขาไปแคสต์งาน ตอนนั้นแม้จะยังไม่รู้เรื่องการแสดง ร้องเพลง หรือการเต้น แต่ด้วยความที่ผู้ใหญ่เห็นแวว จึงได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 1 ปี และทำให้บิ๊กเริ่มเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่พบเห็นเขาเดินเล่นในสยามสแควร์ ต่างเรียกเขาว่า "พี่บิ๊ก วัดสุทธิ"
หลังหมดสัญญากับทางอาร์เอส บิ๊กได้ก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นด้วยการเดินแบบครั้งแรก ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้เขามากขึ้น ภาพถ่ายแฟชั่นของเขาได้ลงหนังสือชื่อดัง ทำให้เขาเริ่มมีงานอย่างต่อเนื่อง แต่เส้นทางนี้ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ช่วงแรกของการทำงาน บิ๊กต้องเดินทางไกลและใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการเดินทางแต่ละวัน เขาเล่าว่า บางครั้งต้องขึ้นรถเมล์จากเดอะมอลล์ท่าพระไปเซ็นทรัลเวิลด์ ต่อเรือคลองแสนแสบไปทาวน์อินทาวน์ จากนั้นต่อรถไปลาดพร้าว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางวันละหลายร้อยบาท แต่หลายครั้งก็กลับมามือเปล่า
แม้จะเริ่มท้อ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ บิ๊กสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้สำเร็จ ช่วงนี้เขาเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องแคสต์งานมากนัก และได้โอกาสร่วมงานกับค่ายแกรมมี่ รวมถึงเล่นโฆษณาร่วมกับ "อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ" ซึ่งทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
เมื่อได้รับบทบาทในละคร บิ๊กก็ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการแสดง เขายอมรับว่าในช่วงแรก ๆ ฝีมือการแสดงยังไม่ดีนัก จนรู้สึกเฟลเมื่อดูผลงานตัวเอง แต่จุดเปลี่ยนมาถึงเมื่อได้บทพระเอกครั้งแรกในละครเรื่อง "สุดรักสุดดวงใจ" ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้เขาเริ่มมั่นใจในความสามารถของตนเอง
อย่างไรก็ตาม เส้นทางในวงการบันเทิงไม่ได้มั่นคงเสมอไป บิ๊กเล่าว่าในช่วงที่ละครยังไม่ออนแอร์ เขาแทบไม่มีรายได้ ต้องใช้เงินเก่าที่เก็บสะสมมา ช่วงนั้นเขาย้ายออกจากบ้านไปเช่าอพาร์ตเมนต์กับเพื่อน ทำให้ชีวิตเริ่มลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสุขภาพร่างกายแย่ลงและไม่มีงานใหม่ ๆ เข้าหา ความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเริ่มก่อตัวขึ้น
บิ๊กตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน และเริ่มปรับปรุงตัวเองใหม่ เขาหันมาดูแลสุขภาพและเริ่มมองหาโอกาสอื่น ๆ เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ
ในช่วงวิกฤตโควิด-19 บิ๊กลองทำธุรกิจขายหมูทอด แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและร่างกายไม่ไหว เขาจึงต้องหยุดทำ หลังจากนั้น เขาหันมาขายต้นไม้ ซึ่งประสบความสำเร็จมาก จนสามารถสร้างรายได้สูงสุดในช่วงนั้น
เรื่องที่ทำให้หลายคนฮือฮาคือการขายกางเกงในที่ใส่แล้วจุดเริ่มต้นมันมาจากวันนั้น มีคนหนึ่ง เห็นขอบกางเกงในของผม ก็เข้ามาแซว อยากซื้อกางเกงในพี่บิ๊กจังเลย มันก็เลย เป็นจุดเริ่มต้นตรงนั้น ผมก็บอกเขาไปว่า พี่..ผมไม่ได้ขาย
แรก ๆ ก็เขินนะเพราะเราไม่ได้ขายไง มา นั่งคุยในไลฟ์เฉยๆ แล้วพอลงไลฟ์เราก็มา นั่งคิดว่า เราก็เคยขายเสื้อผ้ามือสองของ ตัวเองมา กลับมาขายอีกครั้งหนึ่งได้นี่ ก็ ลองเอามาขายดูแล้วก็ขายดีนะ คนดู เยอะ ซื้อของเราหมดเลย จนเราไม่มี อะไรขาย ก็เหลือแต่กางเกงใน
เขาก็ถามขายไหมพี่บิ๊ก..ตัวนี้ ผมก็เลย ถามไปว่าเอาจริงเปล่า อย่าล้อเล่นกับ ระบบนะ จะซื้อจริงใช่ไหม จะเปิดราคา นี้ไปถ้าคุณเอาก็โอนมาก่อนเลย ตอน นั้นก็เปิดไปเลย 5 พัน แล้วมีคนซื้อจริงๆ เขาบอกว่าห้ามซัก ถ้าซักราคาจะตก แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้ทำเป็นอาชีพนะที่ ขายกางเกงใน
นอกจากการขายของส่วนตัวแล้ว บิ๊กยังเผยว่าเคยได้รับข้อเสนอไปกินข้าวกับแฟนคลับที่เสนอค่าตัวสูงถึง 500,000 บาท แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธ นอกจากนี้ ยังมีคนส่งข้อความแปลก ๆ และขอมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่ทำสายเซ็กซี่
แม้จะถูกมองในแง่ลบและถูกดูถูกว่า “ตกอับ” แต่บิ๊กไม่แคร์คำวิจารณ์เหล่านั้น เขาบอกว่าแค่มีบ้าน มีข้าวกิน และมีงานทำก็ถือว่ามีความสุขแล้ว สำหรับเขา ทุกบาททุกสตางค์ที่หาได้มีค่า ไม่ว่าจะมากหรือน้อย
อ้างอิงจาก: เพจFB:อีจัน