ร้านที่มองไม่เห็น
ร้านที่มองไม่เห็น
โดย #อักษราลัย
“พี่แน่ใจนะว่าร้านปิดแล้ว?” ผู้หญิงคนนั้นถามเพื่อนที่เดินผ่านร้านขายของชำของฉัน
“ก็เห็นอยู่ว่าประตูเหล็กปิดลงอยู่ ไฟก็ดับ” อีกคนตอบกลับอย่างมั่นใจ
ฉันได้ยินบทสนทนานั้นอย่างชัดเจนผ่านประตูกระจกร้าน ทั้งที่ตอนนี้ร้านเปิดอยู่ ไฟก็สว่างจ้า ประตูเหล็กก็ยกขึ้นตั้งแต่เช้า แต่ลูกค้าทุกคนที่เดินผ่านกลับมองเห็นร้านในสภาพตรงกันข้าม
ร้านนี้เป็นมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ก่อนเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว เป็นร้านขายของชำเล็ก ๆ ที่อยู่มาตั้งแต่ฉันจำความได้ ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบนั่งดูพ่อคิดเงินให้ลูกค้า ได้ยินเสียงหัวเราะและเรื่องราวมากมายจากชาวบ้านที่แวะเวียนมาซื้อของ พ่อเคยบอกว่าร้านนี้ไม่ได้มีค่าแค่เรื่องเงินทอง แต่มันคือส่วนหนึ่งของชุมชน เป็นจุดนัดพบ เป็นที่พึ่งยามฉุกเฉินของเพื่อนบ้าน
เรื่องนี้มันเริ่มต้นมาได้เดือนกว่าแล้ว วันที่ฉันพบว่ามีเหรียญเก่า ๆ วางอยู่หน้าร้าน เหรียญนั้นมีสีดำคล้ำราวกับผ่านการใช้งานมานานนับร้อยปี มันถูกวางเรียงเป็นรูปวงกลม ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแค่ขยะที่ใครสักคนทิ้งไว้ จึงเก็บกวาดทิ้งไป
แต่หลังจากวันนั้น ทุกอย่างก็เริ่มผิดปกติ
ลูกค้าประจำที่เคยแวะเวียนมาซื้อของทุกวันหายไป คนที่เดินผ่านร้านก็เหมือนมองไม่เห็นว่ามีร้านอยู่ตรงนี้ บางคนถึงขั้นเดินชนประตูร้านเพราะคิดว่าไม่มีอะไรขวางอยู่
เรื่องแปลก ๆ ในร้านที่เกิดขึ้นก็น่าขนลุก แรก ๆ มันเป็นแค่เสียงประหลาด ๆ เสียงเหรียญหล่นกระทบพื้นยามดึก เสียงขวดแก้วกระทบกันเบา ๆ แม้จะไม่มีลมพัด แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มรุนแรงขึ้น
สินค้าไม่ได้แค่เคลื่อนที่ แต่มันลอยขึ้นกลางอากาศ ขวดน้ำ กระป๋องอาหาร ถุงขนม ทุกอย่างลอยวนเป็นวงกลมราวกับมีคนหยิบมาเล่นกล ก่อนจะร่วงกราวลงพื้นพร้อมกัน บางครั้งฉันเห็นเงาดำ ๆ เคลื่อนไหวตามชั้นวางของ เหมือนมีใครกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ แต่พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ไม่มีอะไร
กลางดึกคืนหนึ่ง ฉันได้ยินเสียงเด็กหัวเราะคิกคักดังมาจากมุมร้าน พอเปิดไฟดู ก็เห็นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ที่ไม่เคยมีในร้านวางอยู่บนชั้น มันทำจากผ้าขาวเก่า ๆ มีด้ายแดงพันรอบคอ ใบหน้าวาดด้วยหมึกดำเป็นรอยยิ้มที่กว้างผิดธรรมชาติ พอจะเก็บมันไปทิ้ง ฉันก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูว่า “อย่าทิ้งหนูนะ หนูเหงา...”
บนกระจกร้านเริ่มมีรอยฝ่ามือปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ บางวันเป็นรอยมือเล็ก ๆ เหมือนเด็ก บางวันเป็นรอยมือใหญ่ทิ้งคราบดำไว้ราวกับเปื้อนเขม่า และที่น่ากลัวที่สุดคือ บางครั้งรอยมือพวกนั้นก็เคลื่อนที่ เลื้อยไปมาบนกระจกเหมือนมีคนกำลังลากมือไปมาช้า ๆ
แล้วก็มีลูกค้าผี... พวกเขาเดินเข้ามาในร้านเหมือนคนปกติ หยิบของใส่ตะกร้า เดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แต่พอฉันมองดี ๆ ก็เห็นว่าเท้าของพวกเขาลอยเหนือพื้น ใบหน้าซีดขาวผิดธรรมชาติ และเมื่อพวกเขายื่นเงินมาจ่าย มันก็เป็นเหรียญเก่า ๆ สีดำคล้ำแบบเดียวกับที่เคยพบหน้าร้าน
คืนหนึ่ง ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงคนนับเงินดังมาจากเคาน์เตอร์ พอลงมาดู ก็เห็นร่างของพ่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำ กำลังนับเหรียญสีดำกองใหญ่ พ่อหันมามองฉันช้า ๆ ใบหน้าซีดเผือด มีผ้าขาวปิดตาอยู่ ปากขยับพูดว่า
“ลูก... พ่อเป็นห่วง...” ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อย ๆ จางหายไป ทิ้งไว้แค่กองเหรียญดำบนเคาน์เตอร์
ยอดขายดิ่งลงเหลือศูนย์ ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ พอกสูงขึ้นเรื่อย ๆ เงินเก็บที่มีร่อยหรอลง ฉันต้องเริ่มขายทองที่แม่ให้ไว้ทีละเส้น ธนาคารโทรมาทวงหนี้บัตรเครดิตทุกวัน แม้แต่น้ำประปาก็เกือบถูกตัด เหลือแค่ไฟที่ยังติดสว่างจ้าอยู่ในร้านที่ไม่มีใครมองเห็น
“เงินปากผี” ป้าแก้วเพื่อนบ้านบอกฉันหลังจากที่ฉันเล่าเรื่องราวให้ฟัง “มันเป็นของต้องห้าม เขาเอาเงินที่ใช้ปิดตาศพมาทำพิธี ใครโดนเข้าก็จะเหมือนถูกผีปิดตา คนอื่นจะมองไม่เห็นร้านของเรา เหมือนร้านปิดอยู่ทั้ง ๆ ที่เปิดตามปกติ”
“แล้วจะแก้ยังไงคะ?” ฉันถามอย่างร้อนรน ยอดขายที่ตกลงอย่างหนักทำให้ฉันแทบจะอยู่ไม่ได้
“ต้องหาคนที่ทำมาให้เจอ แล้วให้เขาถอนของให้” ป้าแก้วตอบ “แต่ระวังนะ คนพวกนี้ใจดำ บางทีเขาอาจจะขอแลกกับชีวิตคนที่เรารัก”
ฉันนั่งมองร้านที่ว่างเปล่า เสียงพูดคุยของคนที่เดินผ่านไปมายังดังอยู่เรื่อย ๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าร้านปิด ทั้งที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ เปิดไฟสว่าง พร้อมต้อนรับลูกค้าเสมอ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารอีกแล้ว แจ้งว่าถ้าไม่จ่ายค่างวดบ้านภายในสิ้นเดือนนี้ จะยึดบ้าน... บ้านที่พ่อใช้เวลาทั้งชีวิตผ่อน ร้านที่เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ทุกอย่างกำลังจะหายไป
วันนั้น จู่ ๆ เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น มีชายชราเดินเข้ามา เขาสวมชุดขาวทั้งชุด ผมสีขาว ดวงตาของเขาเหมือนมองทะลุผ่านตัวฉันไป ในมือถือถุงผ้าเก่า ๆ ที่ส่งกลิ่นธูปอบอวล
“อยากให้คนเห็นร้านของเจ้าเหมือนเดิมไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ข้าช่วยได้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน...”
ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นึกถึงคำเตือนของป้าแก้ว แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ร้านคงต้องปิดจริง ๆ แน่ ทั้งบ้านและร้านที่พ่อทำงานหนักมาทั้งชีวิตจะหายไปในพริบตา
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?” ฉันถามออกไป เสียงสั่นเครือ
ชายชราคนนั้นยิ้ม เผยให้เห็นฟันสีเหลืองที่เรียงไม่เป็นระเบียบ “เจ้าต้องสัญญาว่า จะมาแทนที่ข้า เมื่อถึงเวลา...”
ฉันยังไม่ทันได้ตอบ เขาก็หายไปต่อหน้าต่อตา ทิ้งไว้เพียงกลิ่นธูปและควันสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ ถุงผ้าเก่าที่เขาถือตกอยู่ที่พื้น ข้างในมีเหรียญเก่า ๆ คล้ายกับที่เคยพบหน้าร้าน แต่ครั้งนี้มันถูกร้อยด้วยด้ายแดง พร้อมกับกระดาษเขียนว่า “ถ้าตกลง ให้สวมมันไว้ที่คอ”
ขณะที่ฉันกำลังจ้องมองถุงผ้าในมือ เงาดำ ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวรอบ ๆ ร้าน เสียงกระซิบดังแว่วมา “สวมมันสิ... สวมมันสิ... แล้วเธอจะได้อยู่กับพวกเราตลอดไป...” เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับเสียงเหรียญกระทบพื้นที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับมีใครกำลังโปรยเหรียญลงมาจากเพดานร้าน
ฉันหลับตาแน่น พยายามไม่สนใจเสียงรอบตัว แต่แล้วก็รู้สึกถึงลมเย็น ๆ พัดผ่านใบหน้า กลิ่นธูปที่เข้มข้นขึ้น และเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นข้างหู
“ลูก...” เสียงของพ่อ
“พ่อไม่อยากให้ลูกต้องทิ้งร้านไป...”
ฉันลืมตาขึ้น เห็นร่างของพ่อยืนอยู่ตรงหน้า คราวนี้ไม่มีผ้าปิดตาแล้ว แต่ดวงตาของพ่อกลับเป็นสีดำสนิท มีน้ำสีดำไหลออกมาตามมุมตา
“มาอยู่กับพ่อไหม? เราจะได้ดูแลร้านด้วยกัน... ตลอดไป...”
มือเย็นเฉียบของพ่อเอื้อมมาหยิบสร้อยเหรียญในมือฉัน
“แค่สวมมันเท่านั้น ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม...”
มือของพ่อค่อย ๆ ยกสร้อยเหรียญขึ้น ฉันรู้สึกถึงความเย็นของโลหะที่แตะผิวคอ ในขณะที่รอบ ๆ ตัว เงาดำทั้งหลายก็เริ่มรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหัวเราะของเด็ก เสียงกระซิบ เสียงเหรียญกระทบพื้น ดังระงมไปทั่วร้าน
ฉันต้องตัดสินใจ...
เลือกที่จะรักษาร้านของพ่อไว้ แลกกับการต้องอยู่ในโลกของความมืดตลอดไป หรือปล่อยให้ทุกอย่างจบลง และกลับไปใช้ชีวิตธรรมดาที่ไม่มีร้านนี้อีกต่อไป
สร้อยเหรียญเย็นเฉียบแตะต้นคอฉัน พร้อมกับที่เสียงกระซิบของพ่อดังขึ้นอีกครั้ง
“ตัดสินใจได้แล้ว... ลูกรัก...”
............
วันนี้ร้านขายของชำร้านนี้ยังคงเปิดอยู่เหมือนเดิม ลูกค้าเข้าออกพลุกพล่าน ทุกคนบอกว่าของถูกและคุณภาพดี แต่แปลกที่ว่า ไม่มีใครจำได้ว่าเจ้าของร้านหน้าตาเป็นยังไง ทุกคนเห็นแค่ร่างในชุดดำที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ สวมสร้อยเหรียญเก่า ๆ ที่ส่องประกายวูบวาบใต้แสงไฟ และถ้าใครสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเท้าของร่างนั้น... ไม่ได้แตะพื้นเลย
.....................................
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
บุกจับเซียนพระลูกผู้ใหญ่บ้าน ยิงกลางร้านอาหารนครปฐม เสียชีวิต 2 เจ็บ 3
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
2026 ปีแห่งการสั่นสะเทือน! แกะรอยคำทำนาย บาบาวานก้า ที่โลกต้องจับตา การเปลี่ยนขั้วอำนาจสู่ยุคดิจิทัลและการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
บ้านผีสิง (2550): เงาของอดีต ความรักอำมหิต และบาดแผลที่ตามหลอกหลอน
ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568
เปิดดวง 3 ราศี ดวงพุ่งแรง มีเกณฑ์ ถูกเลข รับทรัพย์ก้อนโต 💰