ของใช้ใกล้ตัว แหล่งสะสมเชื้อโรค แฝงไปด้วยแบคทีเรีย อันตรายต่อสุขภาพที่คุณคาดไม่ถึง
การวิจัย พบว่า บนจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตมีเชื้อโรคสะสมมากกว่าโถส้วมถึง 20 เท่า โดยเฉพาะเชื้อโรค E. coli และ Staphyloccocus aureus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังต่าง ๆ โรคปอดอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด
เชื้อโรคเหล่านี้ถูกนำมาติดโดยการใช้นิ้วสัมผัสบนจอโทรศัพท์โดยไม่ได้ล้างก่อน ทำให้เชื้อโรคสะสมอยู่บนจอโทรศัพท์
ควรทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ด้วยน้ำยาทำความสะอาดจอทัชสกรีนโดยเฉพาะอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เป็นการยั้บยั้งเชื้อโรคได้ดีที่สุด
2.คีย์บอร์ด เม้าส์คอมพิวเตอร์
เวลาทำงานหรือพิมพ์งานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ เราอาจรับประทานอาหารไป พิมพ์งานไป พูดไปด้วย บางครั้งก็อาจจะมีการไอหรือจามด้วย ทำให้คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ได้รับ แบคทีเรีย ทั้งจากนิ้วมือ น้ำลาย เสมหะ และเศษอาหาร ซึ่งคีย์บอร์ดถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ใกล้ตัวที่สะสมแบคทีเรียเอาไว้ไม่น้อย แต่ด้วยรูปร่างของคีย์บอร์ดที่ยากต่อการทำความสะอาด เพราะมีขนาดเล็ก และมีมุม มีซอกเล็ก ๆ ที่ยากต่อการทำความสะอาด
ทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และควรแกะคีย์บอร์ดออกมาทำความสะอาดด้วยอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดการสะสมของเจ้าเชื้อโรคตัวฉกาจได้แล้ว
3.แปรงสีฟัน
ผลวิจัย พบว่า ในแปรงสีฟันก็ยังมีเชื้อจุลินทรีย์อย่างน้อย 10 ล้านตัว ถ้าวางอยู่ใกล้บริเวณชักโครกก็ยิ่งสกปรกขึ้นอีก แปรงสีฟันยังเอาแบคทีเรียจากช่องปากมาสะสมไว้ที่ขนแปรงด้วย กว่า 65 เปอร์เซ็นต์เป็นยีสต์และเชื้อรา อีก 27 เปอร์เซ็นต์เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม (coliform) และอีก 14 เปอร์เซ็นต์เป็นแบคทีเรียในกลุ่มสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)
ทำความสะอาดแปรงสีฟันให้สะอาดทุกครั้งที่ใช้แล้ว ควรทำความสะอาดที่เก็บแปรงสีฟันให้สะอาดอยู่เสมอ และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุก 3 เดือน เพื่อสุขอนามัยของช่องปากและสุขภาพของตัวเราเอง
4.เงิน
ผลการศึกษาจากคณะนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ระบุว่า บนธนบัตร 1 ใบ จะมีเชื้อแบคทีเรียสะสมโดยเฉลี่ย 26,000 ตัว ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้มีผลอันตรายกับผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพผิว อย่างเช่น เป็นสิว หรือถ้าหากมือสัมผัสกับเงินที่สะสมแบคทีเรียแล้วนำมือนั้นไปสัมผัสกับอาหาร เมื่อรับประทานอาหารนั้นเข้าไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสียได้
การรักษาความสะอาดที่ดีที่สุด คือ การล้างมือทุกครั้งที่จับหรือสัมผัสกับเงิน เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรค
5.อ่างล้างจาน ฟองน้ำ
อ่างล้างจาน
บริเวณอ่างล้างจาน แต่ละตารางนิ้วมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัวทั้งชนิดที่รุนแรงและไม่รุนแรง อย่างเช่น “เชื้อซัลโมเนลล่า” ซึ่งเป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษหรืออุจจาระร่วง
วิธีทำความสะอาด คือ ใช้โซดาไฟหรือน้ำส้มสายชูราดทำความสะอาด แล้วตามด้วยน้ำเปล่า หรือใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างอ่างล้างจานที่มีสารกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ล้างอ่างล้างจานอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ก็ช่วยจัดการกับเชื้อโรคได้แล้วส่วนนึง
ฟองน้ำล้างจาน
ฟองน้ำล้างจาน ถูกผลิตมาเพื่อทำความสะอาดในห้องครัว การทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สะอาด เป็นสิ่งที่ทำให้ฟองน้ำสะสมเอาเชื้อโรคและแบคทีเรียเอาไว้ โดยแบคทีเรียกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ที่พบในฟองน้ำสำหรับทำความสะอาดในครัวเป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม (coliform) ที่สามารถทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ ปวดท้อง ท้องร่วง ท้องเสีย
เราสามารถทำความสะอาดฟองน้ำให้ปราศจากเชื้อโรคได้โดยวิธีง่าย ๆ คือ เอาไปต้ม หรือ ให้ความร้อนผ่านไมโครเวฟซัก 60 วินาที หรือนำฟองน้ำที่ใช้สำหรับล้างจานไปตามแดดอย่างน้อย 2 -3 ชั่วโมง เพื่อให้แสงแดดช่วยทำลายกรด และเชื้อแบคทีเรียในฟองน้ำ
6.เครื่องซักผ้า
เครื่องซักผ้าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทำความสะอาดที่สะสมเอาเชื้อโรคและแบคทีเรียเอาไว้มากถึงมากที่สุด เพราะเสื้อผ้าที่นำไปเข้าเครื่องซักผ้านั้นเต็มไปด้วยคราบสกปรกจากเสื้อผ้า คราบเหงื่อไคล คราบเสมหะจากการไอหรือจาม คราบเลือด หรือแม้แต่คราบอสุจิ สิ่งเหล่านี้หมักหมมอยู่ในเครื่องซักผ้าครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นนอกจากจะทำความสะอาดเสื้อผ้าของตนเองแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำด้วยเพื่อจะได้ลดการสะสมของ แบคทีเรีย
7.รีโมทควบคุม
รีโมทสำหรับทีวี รีโมทแอร์ หรือรีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นของใช้ใกล้ตัวที่ผ่านการหยิบจับแบบมือต่อมือ จึงเกิดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียจากฝ่ามืออยู่ตลอด และรีโมทควบคุมก็มักจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยได้รับการทำความสะอาดมากเท่าไหร่นัก จึงยิ่งทำให้สะสมแบคทีเรียเอาไว้เป็นจำนวนมาก ทางที่ดีควรทำความสะอาดแบคทีเรียด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ทุก ๆ สัปดาห์
8.สวิตช์ไฟ
การศึกษาในประเทศอังกฤษ พบว่า บนสวิตช์ไฟมีเชื้อแบคทีเรียถึง 217 ตัวต่อตารางนิ้ว โดยเฉพาะสวิตช์ไฟห้องน้ำ มีเชื้อโรคอาศัยอยู่มากกว่าหลายเท่าตัว ทำให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคชั้นดีไปสู่บุคคลอื่น ๆ จากการสัมผัสอีกด้วย
ทำความสะอาดสวิตช์ เพียงใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยทำให้สวิตช์ไฟสะอาดและปราศจากเชื้อโรค
9.ผ้าสำหรับเช็ด
ผ้าสำหรับเช็ดนี้หมายรวมถึง ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาดต่าง ๆ เพราะผ้าเหล่านี้มักจะต้องซับเอาความเปียกชื้นจากร่างกายและวัตถุต่าง ๆ เป็นประจำ ซึ่งความชื้นที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของแบคทีเรียและเชื้อรา จึงควรทำความสะอาดผ้าเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ
ควรซักทำความสะอาดทุกสัปดาห์ และหลังการใช้งานควรตากหรือผึ่งผ้าเหล่านี้ให้แห้ง ไม่ควรพับหรือวางกองไว้ที่พื้น เพราะจะยิ่งทำให้ผ้าหมักหมมความชื้นอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการสะสมแบคทีเรีย
10.เครื่องชงกาแฟ
ผลการศึกษา พบว่า ในเครื่องชงกาแฟ มียีสต์และเชื้อรามากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะส่วนที่กักเก็บเมล็ดกาแฟ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจึงจำเป็นที่จะต้องล้างทำความสะอาดอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟอย่างสม่ำเสมอ
11.กระเป๋าเงิน
เพราะได้รับแบคทีเรียจากเงินและบัตรต่าง ๆ โดยเฉพาะบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต ที่ต้องผ่านการใช้งานจากมือหนึ่งถึงอีกมือหนึ่ง ทำให้มีการสะสมแบคทีเรียเอาไว้
ควรเช็ดทำความสะอาดกระเป๋าเงินด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอหลังการสัมผัสกับเงิน บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต และกระเป๋าเงิน
12.กระเป๋าสะพาย เป้
การวิจัย พบว่า บริเวณก้นกระเป๋านั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าหมื่นตัว เชื้อโรคส่วนใหญ่ที่พบล้วนเป็นอันตราย ได้แก่ Staphylococcus สาเหตุของทำให้เกิดตาแดง นอกจากนี้ยังมีเชื้อ Salmonella และ E.coli ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ และท้องเสียอีกด้วย
เพียงนำกระเป๋าไปตากแดด เพื่อฆ่าเชื้อโรคและหมั่นทำความสะอาดกระเป๋าบ่อย ๆ ด้วยทิชชู่เปียกที่มีสารเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการนำกระเป๋าไปวางในที่ที่สกปรกด้วย