เคล็ด(ไม่)ลับ ดูแลสุขภาพและความงาม วิธีดูแลตัวเองแบบง่าย ๆ
1.ปกป้องผิวจากแสงแดดที่ร้อนจัด
ออกไปรับแสงแดดตอนเช้าในเวลาประมาณ 06.00-08.00 น. และตอนเย็นในเวลาประมาณ 16.00-18.00 น. การเผชิญกับแสงแดดที่ร้อนจัดเป็นประจำจะทำร้ายผิว เพราะในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือรังสียูวี (UV) มีทั้งยูวีเอ (UVA) ที่ไปเร่งการเสื่อมสภาพของผิว เกิดเป็นริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ยูวีบี (UVB) ทำให้ผิวไหม้และมีรอยแดง ควรทาครีมกันแดดทั้งในตอนที่ออกไปรับแสงแดดอ่อนช่วงเช้าหรือเย็น และตอนที่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกในช่วงแดดจัด เลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป และมี PA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันรังสียูวีทั้ง 2 แบบ ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง
2.ดื่มน้ำและของเหลวให้เพียงพอ
จะช่วยให้ร่างกายมีสมดุลของเหลวที่ดี รักษาความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวไม่แห้งแตกและดูสุขภาพดี น้ำเป็นส่วนประกอบของเลือดที่ช่วยลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังเซลล์ทั่วร่างกาย ทำให้ระบบร่างกายทำงานได้ตามปกติ
ควรดื่มน้ำและของเหลวอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เน้นน้ำเปล่า นมไขมันต่ำ น้ำผัก น้ำผลไม้สดไม่เติมน้ำตาล
ควรจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มบางชนิดให้น้อยลง อย่างเช่น แอลกอฮอล์ ดื่มวันละไม่เกิน 2 แก้วในผู้ชาย และวันละไม่เกิน 1 แก้วในผู้หญิง เพื่อลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังที่เกิดจากแอลกอฮอล์ อย่างเช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคตับแข็ง โรคมะเร็งเต้านม
ควรจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง อย่างเช่น ท้องไส้ปั่นป่วน วิตกกังวล ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
3.รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
เน้นอาหารจำพวกผักและผลไม้ เนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูงและไม่ติดไขมันและหนัง ธัญพืชไม่ขัดสี หรือ โฮลเกรน (Whole grain) ปลาที่มีไขมันดี เป็นอาหารที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว การได้รับสารอาหารที่หลากหลาย จะช่วยบำรุงเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดี มีเกราะป้องกันผิวจากเชื้อโรค
หากไม่สามารถรับประทานอาหารได้ครบ 5 หมู่ หรือไม่สามารถรับประทานอาหารที่หลากหลายได้ อาจจะพิจารณารับประทานวิตามินเสริมตามความเหมาะสม หรือพบแพทย์เพื่อตรวจหาสารอาหารที่บกพร่องไป
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที อาจเลือกกิจกรรมที่สนใจหรือถนัด อย่างเช่น เดินเร็ว เต้นแอโรบิค เล่นโยคะ ปั่นจักรยาน ทำสวน ว่ายน้ำ กระโดดเชือก ออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัว (Body weight) เพื่อเสริมสร้างการออกกำลังกายให้เป็นนิสัย มีส่วนช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุล กระตุ้นการเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ควบคุมฮอร์โมนให้อยู่ในระดับปกติ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการลำเลียงออกซิเจนมายังผิวหนังและช่วยให้ผิวสุขภาพดี
การออกกำลังกาย ช่วยขับสารพิษ และสิ่งที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนออกมาพร้อมเหงื่อ ซึ่งลดการเกิดสิวได้
5.ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
โดยทาหลังจากอาบน้ำเสร็จและผิวยังหมาด ๆ อยู่ เป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว อย่างเช่น ผิวมันควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ (Water base) เพื่อลดการอุดตันรูขุมขน ผิวแห้งควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อครีมเข้มข้น เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนัง
6.จำกัดเวลาการอาบน้ำให้ไม่เกิน 10-15 นาที
เพื่อไม่ให้น้ำมันเคลือบผิวหายไปจนผิวแห้งกร้าน หลังอาบน้ำควรซับผิวหน้าและผิวกายให้แห้งด้วยผ้าเช็ดตัวสะอาดแทนการเช็ดถูผิวแรง ๆ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้หลงเหลืออยู่บนผิวและป้องกันการระคายเคืองต่อผิว และควรซักผ้าเช็ดตัวที่ใช้แล้วเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
สำหรับผู้ที่โกนขนบนร่างกายเป็นประจำ ควรทาครีมโกนหนวด โลชั่น หรือเจลก่อนโกน เลือกมีดโกนที่คมและสะอาด โกนในทิศทางที่ขนขึ้นหรือตามแนวขน ไม่โกนย้อนขึ้น เพราะทำให้เกิดขนคุด ไม่ควรโกนขนบ่อย หรือมากกว่าสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
7.รักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ เวลาเครียด ให้หายใจให้ลึก ๆ
หายใจเข้าลึก ๆ ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากความเครียดและทำให้จิตใจสงบลง ที่สำคัญคือ การหายใจเข้าลึก ๆ จะทำให้เกิดการนำออกซิเจนจำนวนมากเข้าสู่ปอดและกระแสเลือด มีส่วนช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างมาก สุขภาพจิตที่ไม่ดี เป็นปัจจัยเสี่ยงของภาวะเรื้อรัง ภาวะเครียดและความรู้สึกด้านลบ ทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ร่างกายทำงานผิดปกติ อย่างเช่น การเผาผลาญพลังงาน การทำงานของอินซูลิน ระบบภูมิคุ้มกัน ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังมักมีความเสี่ยงที่จะมีสุขภาพจิตไม่ดี
8.กินผลไม้เป็นของว่างในบางโอกาส
การกินผลไม้ช่วยเพิ่มวิตามินให้กับร่างกาย มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อไข้หวัด เป็นการลดปริมาณขนมขบเคี้ยวที่ไม่ได้ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย