บิลและชาร์ลี ต้นเหตุที่ทำให้เพอร์ซี่เป็นลูกรักของมอลลี่
เคยเขียนวิเคราะห์เกี่ยวกับเพอร์ซี่ไปเยอะมากว่าเขาเป็นลูกรักของมอลลี่ ไม่เคยมองถึงต้นเหตุอย่างจริงจังว่าอะไรทำให้เป็นแบบนั้น ตอนแรกคิดแค่ว่าเพราะเพอร์ซี่เรียนเก่งและเป็นประธานนักเรียน แต่พอมองให้รอบด้านขึ้นหน่อย ก็พบว่าบางทีอาจมีสาเหตุมาจากพี่ชายของเพอร์ซี่อย่างบิลและชาร์ลี รวมทั้งมุมมอง ทัศนคติของมอลลี่เอง
มอลลี่ คือ มนุษย์แม่ที่มีมุมมองว่า อาชีพการงานที่มั่นคงนั้น คือ การรับราชการ หรือ การเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งในโลกเวทมนตร์ก็คือกระทรวงเวทมนตร์ มันคืองานที่มั่นคงและการันตีว่าจะมีรายได้เข้ามาทุกเดือน ซึ่งการจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ให้กับกระทรวง ผลงานการันตีที่ฮอกวอตส์ก็มีส่วนอย่างมาก - บิลได้เป็นประธานนักเรียน ชาร์ลีได้เป็นกัปตันทีมควิดดิช แต่ทั้งสองก็ไม่ได้มีผลการเรียนในระดับที่มอลลี่พอใจ (ชาร์ลีได้ ส.พ.บ.ส. ดีเยี่ยมแค่วิชาการดูแลสัตว์วิเศษ – ส่วนบิลไม่มีข้อมูล) - เพอร์ซี่นอกจากจะเดินตามรอยของบิลได้แล้ว เขายังมีผลการเรียนระดับ “ดีเยี่ยม” ในทุกวิชา
ยิ่งไปกว่านั้น บิลและชาร์ลี กลับเลือกงานที่ไม่ได้ทำให้แม่ของพวกเขาพอใจนัก บิลเป็นเจ้าหน้าที่แก้คำสาปให้กับกริงกอตส์ ต้องดีลงานกับพวกก๊อบลิน เผ่าพันธุ์ที่พ่อมดแม่มดส่วนใหญ่มองว่าไม่น่าไว้ใจ ชาร์ลีออกจากอังกฤษไปอยู่ที่โรมาเนียเพื่อทำงานกับมังกร ทั้งสองเลือกงานที่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต แต่ในมุมหนึ่งเราก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นความชอบและความถนัดของแต่ละคน บิลกับชาร์ลีคงคล้ายกับนิวท์ สคามันเดอร์ คือ คนที่ไม่ชอบการทำงานที่ต้องนั่งอยู่กับโต๊ะตลอดเวลา
แต่ในมุมของมอลลี่คงมองว่างานที่ต้องนั่งอยู่กับโต๊ะนั้น สะดวกสบายและปลอดภัยที่สุด เธอคงเฝ้ามองอย่างหวั่นใจว่าลูกชายทั้งสองของเธอจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า หลายครั้งเธอพยายามจะโน้มน้าวให้บิลกับชาร์ลีเปลี่ยนใจ (ดังที่เราเห็นในหนังสือ) แต่ทั้งสองก็ยังยืนกรานว่าพวกเขาเลือกในสิ่งที่ถูกแล้ว
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกอะไร เมื่อเพอร์ซี่เลือกสายงานที่ต่างจากพี่ชายทั้งสอง เขาพอใจและรักการนั่งเขียนรายงานที่อาจดูน่าเบื่อในสายตาของบิลและชาร์ลี แต่ขณะเดียวกันเพอร์ซี่ก็มีทักษะในการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยม – เห็นได้จากการที่เขาต้องทำงานแทนนายเคร้าช์อยู่เกือบปี – เพอร์ซี่เหมาะกับงานราชการ งานเอกสาร งานประเภทที่ต้องนั่งอยู่กับโต๊ะ ซึ่งมันสอดรับกับทัศนคติของมอลลี่พอดี
ก็คงไม่แปลกอะไร.. ที่เพอร์ซี่จะเป็นลูกรักของแม่
ยังไม่นับเฟร็ดกับจอร์จอีกด้วย.. ที่แนวทางชัดเจนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบว่าทั้งสองไม่สนใจทำงานที่กระทรวง แต่อยากทำธุรกิจร้านขายของเล่นตลก ฝาแฝดต้องฝ่าฟันเสียงคัดค้านของแม่อยู่ตลอดเวลา กว่าเธอจะยอมรับพวกเขาได้ก็ตอนที่เห็นว่าร้านนั้นทำกำไรได้มหาศาลจนเริ่มทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้นในเวลาต่อมา
ถามว่ามอลลี่ผิดไหมที่คิดแบบนี้.. ผมว่าไม่ผิดนะ คนเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงอนาคตของลูกอยู่แล้ว เธออาจเป็นภาพสะท้อนของพ่อแม่สมัยก่อนที่มองว่างานที่มั่นคงคืองานราชการ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ เจ.เค.โรว์ลิง เคยโดนมาก่อนเหมือนกัน เธออยากเป็นนักเขียนแต่พ่อของเธออยากให้เธอรับราชการเพื่อจะได้ความมั่นคงในชีวิต แม้ป้าโจจะดึงดันในช่วงแรก แต่พอชีวิตแกตกต่ำถึงขีดสุด ป้าโจถึงยอมรับและเพิ่งเข้าใจว่าที่พ่อเธอเคยเตือนนั้นคืออะไร
อ้างอิงจาก: พอตเตอร์ไดอารี่