ประโยชน์ของแสงแดด ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง จิตแจ่มใส
1.ส่งเสริมสุขภาพกระดูก
การสัมผัสกับแสงแดด ช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดีที่ผิวหนัง หากร่างกายขาดวิตามินดี กระดูกอาจเปราะบางจนเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน หรือโรคกระดูกอ่อนในเด็กได้ ควรรับวิตามินดีจากแดดอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ เพราะเป็นแหล่งวิตามินดีที่หาง่าย
2.การป้องกันมะเร็ง
ข้อมูลของนักวิจัย พบว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีเวลากลางวันน้อย มีแนวโน้มจะเป็นมะเร็งบางชนิดได้มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงในระหว่างวัน ซึ่งมะเร็งที่จะเกิดขึ้น ได้แก่
- มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin Lymphoma)
- มะเร็งรังไข่
- มะเร็งตับอ่อน
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
3.รักษาสภาพผิว
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การได้รับ แสงแดด อาจช่วยรักษาสภาพผิวหลาย ๆ อย่างได้เช่นกัน โดยแพทย์แนะนำให้รับรังสี UV เพื่อรักษา
- โรคสะเก็ดเงิน
- กลาก
- ดีซ่าน
- สิว
แต่การรักษาอาการทางผิวหนังด้วยการรับแดดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เพราะการรักษาผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกันไปตามภาวะของแต่ละบุคคลด้วย
4.ลดอัตราความเสี่ยงการเกิดภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
หากไม่ได้รับ แสงแดด ที่เพียงพอ ระดับเซโรโทนินในร่างกายจะลดลง เมื่อระดับเซโรโทนินต่ำ อาจเสี่ยงนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล (Depression With Seasonal) หรือที่เรียกว่า “โรคอารมณ์ตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder หรือ SAD)” ได้สูงขึ้น เซโรโทนินจะถูกกระตุ้นโดยแสงแดดที่ส่องผ่านเข้ามายังดวงตา แสงแดดจะเป็นตัวชี้นำพื้นที่พิเศษในเรตินา ซึ่งกระตุ้นการปลอดปล่อยฮอร์โมนเซโรโทนินเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นด้านอารมณ์ ช่วยให้มีสมาธิ และใจเย็นขึ้นได้
รับแดดอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ?
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า การสัมผัสแดดโดยไม่ทาครีมกันแดดป้องกันเพียง 2-3 วัน/สัปดาห์ วันละประมาณ 5-15 นาที ก็ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแดดในปริมาณเพียงพอแล้ว
ปริมาณการรับแดดของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะผิวหนัง และปริมาณรังสี UV ที่อยู่ในแดด โดยผู้ที่มีผิวหนังสีอ่อนอาจเกิดผิวไหม้แดดได้เร็วกว่าผู้ที่มีผิวหนังสีเข้ม
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสุขไทยเผยว่า แดดในประเทศไทยช่วงเวลา 09:00-15:00 นาฬิกา จะมีปริมาณรังสี UV อยู่มาก ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผิวหนังและสุขภาพ