ขาชา เกิดจากอะไร ? เกี่ยวข้องอย่างไรกับระบบประสาท ? อาจส่งสัญญาณเตือนโรคร้ายที่คาดไม่ถึง !
อาการชา เป็นอาการผิดปกติของระบบประสาทรับความรู้สึก เกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะที่นิ้ว มือ แขน ขา หรือ เท้า เป็นอาการที่มีความรู้สึกเจ็บ ปวด ร้อน หรือ เย็นน้อยกว่าปกติ หรือ ไม่มีความรู้สึกเลย บางคนอาจรู้สึกซ่า ๆ บางคนมีอาการเหมือนมีอะไรยุบยิบ ๆ ตามปลายมือปลายเท้า แล้วก็หายไป หรือ อาจเป็นตลอด สาเหตุมาจากการอยู่ในท่าเดิมเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ใช้งานอวัยวะส่วนนั้นบ่อย ๆ เช่น นั่งขัดสมาธิ จับเมาส์ นอนทับแขน เล่นโทรศัพท์มือถือ
ขาชา สัญญาณเตือนของโรคร้ายที่คาดไม่ถึง
หากพบว่าขาชาไม่ใช่เพียงอาการเหน็บชาที่เกิดขึ้นเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น แต่ถ้ามีอาการขาชาบ่อยครั้ง หรือ มีความถี่มากจนเกินไปในหนึ่งวัน อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายทางสมองและระบบประสาท ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
1.โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
เป็นภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพจนไปกดเส้นประสาท ส่งผลให้เส้นประสาทเกิดการอักเสบ จะมีอาการปวดขา จนรู้สึกขาชาลงไปถึงน่องเหมือนเป็นตะคริว
ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการขาชาที่อาจส่งผลต่อโรคหมอนรองกระดูกได้ เริ่มจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบง่าย ๆ เช่น ไม่นั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลานาน เลี่ยงยกของหนัก หรือ ยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ
2.โรคปลายประสาทอักเสบ
เกิดจากความเสียหายของเส้นประสาท สาเหตุมักมาจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือ การกดทับเส้นประสาท อาการแรกเริ่มคือชามือชาเท้า ซึ่งหากรุนแรงมากขึ้นจะลามไปจนมีอาการขาชา หรือ แขนชาได้
ผู้ป่วยควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยืดเส้นยืดสาย ไม่อยู่ท่าเดิมนาน ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
การบรรเทาอาการจากโรคเส้นประสาทด้วยการรับประทานอาหารที่ให้มีปริมาณวิตามิน B ที่เพียงพอ สามารถช่วยได้ ซึ่ง วิตามิน B1 B6 และ B12 เป็นวิตามินที่มีส่วนสำคัญต่อการบำรุงรักษาเส้นประสาท พบได้จากอาหารหลายชนิด
วิตามิน B1 พบได้ในธัญพืช ข้าวไม่ขัดสี สารสกัดจากยีสต์ ผลิตภัณฑ์จากถั่ว
วิตามิน B6 พบได้ในอาหารจำพวกปลาทูน่า ผักโขม ผักตระกูลปวยเล้ง กล้วย
วิตามิน B12 ได้จากไข่ เนื้อสัตว์ อาหารทะเลประเภทกุ้ง ปู ผลิตภัณฑ์นม