ทำไม 1 ปีถึงมี 365 วันแต่บางปีมี 366 วัน?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม ปีส่วนใหญ่เรามักจะมี 365 วัน แต่บางปีถึงมี 366 วัน ซึ่งมักเรียกปีพิเศษนี้ว่า “ปีอธิกสุรทิน” หรือ “Leap Year” เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของการโคจรของโลกและวิธีที่คนเราพยายามปรับปฏิทินให้สอดคล้องกับดาราศาสตร์
ถ้ามองตามหลักวิทยาศาสตร์ โลกของเราหมุนรอบตัวเองครบหนึ่งรอบในหนึ่งวัน แต่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์นั้นใช้เวลาประมาณ 365.25 วันต่อปี นั่นหมายความว่าปีที่เราคุ้นเคยซึ่งมี 365 วันไม่เพียงพอต่อการบอกเวลาตามธรรมชาติของการโคจรที่เกิดขึ้นจริง ทุกปีโลกจะใช้เวลาโคจรนานขึ้นอีกประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งในตอนแรกอาจจะดูเล็กน้อย แต่หากเราปล่อยเวลาผ่านไป 4 ปี เวลาส่วนเกินนี้จะรวมกันเป็นประมาณ 24 ชั่วโมง หรือ 1 วันพอดี นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเพิ่มวันที่ 29 กุมภาพันธ์เข้ามาทุกๆ 4 ปี เพื่อให้เวลาที่เรานับในปฏิทินตรงกับการโคจรของโลกที่แท้จริง
แต่การคำนวณไม่ได้จบแค่นั้น การปรับเพิ่มวันในปีอธิกสุรทินยังมีการคำนวณที่ซับซ้อนมากขึ้นอีก เช่น ไม่ใช่ทุกๆ 4 ปีจะเป็นปีอธิกสุรทินเสมอไป มีข้อยกเว้นสำหรับปีที่หารด้วย 100 ลงตัวจะไม่ถูกนับเป็นปีอธิกสุรทิน ยกเว้นว่าปีนั้นหารด้วย 400 ลงตัว ตัวอย่างเช่น ปี ค.ศ. 1900 ไม่ใช่ปีอธิกสุรทิน แต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นปีอธิกสุรทิน ทั้งหมดนี้ทำให้ปฏิทินของเรายังคงสอดคล้องกับการโคจรของโลกอย่างแม่นยำ
หากเราไม่ปรับให้มีปีอธิกสุรทินเพิ่มขึ้น โลกและปฏิทินจะค่อยๆ คลาดเคลื่อนไปเรื่อยๆ วันและฤดูกาลที่เราเคยชินก็จะขยับออกจากตำแหน่งเดิม เช่น วันปีใหม่อาจไม่ตรงกับฤดูหนาวอีกต่อไป หรือเทศกาลสงกรานต์ที่เรามักจะเจอช่วงฤดูร้อนอาจไปอยู่ในฤดูฝนแทน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปโดยไม่ได้ปรับวันเหล่านี้ ปฏิทินจะค่อยๆ เลื่อนออกจากสภาพดาราศาสตร์จริงเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบปฏิทินที่เราใช้ในปัจจุบันคือ ปฏิทินเกรกอเรียน ซึ่งเป็นการปรับปรุงมาจาก ปฏิทินจูเลียน ของโรมันโบราณ ปฏิทินจูเลียนนั้นใช้การนับแบบง่ายๆ ว่าทุก 4 ปีให้เพิ่ม 1 วัน แต่เนื่องจากการคำนวณนี้ทำให้ปีหนึ่งยาวเกินไปเกือบ 11 นาที พอเวลาผ่านไปนานหลายศตวรรษ วันในปฏิทินจึงขยับคลาดเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนในปี ค.ศ. 1582 พระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 จึงได้ออกมาตรการปฏิรูปปฏิทิน เพื่อแก้ไขความคลาดเคลื่อนนั้น และนั่นคือเหตุผลที่เรามี ปฏิทินเกรกอเรียนที่แม่นยำในปัจจุบัน