ตำนานถ้ำแกลบ จังหวัดเพชรบุรี
ตำนานถ้ำแกลบ ที่เล่าเป็นนิยายปรัมปราสืบต่อกันมาว่า มีผู้พบเห็นว่าในตอนเช้าจะมีกองแกลบคล้ายมีผู้นำมากองไว้ พอปัดกวาดไป พอรุ่งเช้าขึ้นมาไปดูใหม่ก็จะมีแกลบมากองไว้ใหม่ให้เห็นอีกเช่นเดิม ทำให้ผู้คนพากันเชื่อว่าถ้ำแกลบนี้น่าจะเป็นทางออกทางหนึ่งของคนที่อยู่ลึกเข้าไปภายใน เมื่อสีข้าวเปลือกแยกแกลบออกมาแล้วจึงนำมากองไว้หน้าถ้ำนี้เป็นประจำ ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า ถ้ำแกลบ
เชื่อกันว่าลึกเข้าไปภายในถ้ำต้องมีผู้คนอาศัยอยู่ คนเหล่านั้นคงไม่ธรรมดาต้องมีลักษณะพิเศษคนภายนอกมิอาจพบเห็นตัวตนได้โดยง่าย และภายในหุบเขานี้ต้องมีชุมชนที่เร้นลับ หรือลี้ลับ กล่าวกันว่ามีแต่ผู้หญิงล้วน หรือเป็นเมืองแม่หม้าย หรือเมืองลับแล ดังมีเรื่องเล่าไว้ดังนี้
มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งปีนขึ้นไปทำภารกิจบนต้นตาล เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งหาบของออกจากถ้ำ เมื่อเดินออกไปสักครู่ก็เอาสิ่งของอย่างหนึ่งซ่อนไว้ใกล้ ๆ บริเวณปากถ้ำนั้น แล้วก็พากันหายตัวไป วันต่อมาเขาแอบอยู่ในพุ่มไม้ พบคนกลุ่มนั้นออกมาจากถ้ำอีก และปฏิบัติเหมือนเช่นเดิม จึงเดินไปดูเขาพบเพียงใบไม้จึงหยิบขึ้นมาใบหนึ่งแล้วโยนทิ้งไปใต้ต้นตาล เขานั่งเฝ้าดูอยู่จนคนเหล่านั้นกลับมา
พวกเขามองหาของแถวนั้นแล้วก็หายตัวไป คงเหลือแต่หญิงสาวคนหนึ่งร้องไห้ เมื่อเข้าไปถามจึงรู้ว่านางหาใบไม้ที่ซ่อนไว้ไม่เจอ เขาจึงเดินไปหยิบใบไม้แล้วส่งให้ นางดีใจมากและบอกว่านางเป็นใคร ถ้าไม่มีใบไม้นี้นางก็กลับบ้านไม่ได้ ชายคนนั้นจึงขอไปเมืองลับแลด้วย หลักจากนั้นทั้งสองได้อยู่กินเป็นสามีภรรยาแล้ว และใช้ชีวิตร่วมกันจนกระทั่งมีลูกด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งในขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้านปล่อยให้สามีดูแลลูก ลูกเกิดร้องไห้หาแม่
เขาไม่รู้จะปลอบลูกอย่างไรให้หยุดร้องไห้ได้ จึงหลอกลูกว่าแม่กลับมาแล้ว พอดีแม่ยายได้ยิน จึงได้บอกกับลูกสาวว่า สามีของนางกล่าวคำเท็จ ซึ่งถือว่าเป็นข้อเสียหายร้ายแรงทีเดียวเพราะพูดจาไม่มีสัจจะซึ่งชาวลับแลจะไม่ประพฤติกัน
เขาจึงต้องออกจากเมืองลับแลในที่สุด ก่อนสามีจะออกจากบ้าน นางก็ห่อขมิ้นและมอบให้ผู้เป็นสามีหนึ่งห่อใหญ่ ในขณะที่เขาถือห่อขมิ้นเดินมาเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าห่อขมิ้นนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงหยิบขมิ้นทิ้งจนเหลือกลับบ้านเพียงแง่งเดียว เมื่อกลับมาถึงบ้านแง่งขมิ้นก็กลายเป็นทองคำบริสุทธิ์ รู้สึกเสียดายแต่ทำอย่างไรได้มันสายเสียแล้ว