หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำไมถึงตดเหม็น

โพสท์โดย noknoixx1993

Fb.น้ำาไม่ไหลคืน

U Tube.นกเอี้ยงน้อย

ตดหรือผายลม แม้จะเป็นกระบวนการทางชีวภาพของร่างกายที่เกิดขึ้นกับทุกคนเป็นปกติ โดยเฉลี่ยประมาณ 5-15 ครั้งต่อวัน แต่บางครั้งการผายลมบ่อยหรือผายลมเหม็นอาจทำให้รู้สึกอับอายหรือเป็นกังวลเมื่ออยู่กับผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้อาจแก้ไขได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสะสมแก๊สในระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะการรับประทานอาหารบางชนิดหรือพฤติกรรมบางประการ

สาเหตุของการตดหรือผายลม

การตดหรือผายลมเกิดจากแก๊สที่สะสมในระบบย่อยอาหารเนื่องจากกระบวนการย่อยสลายอาหารไปเป็นพลังงานของร่างกาย การรับประทานอาหารบางชนิดที่ทำให้เกิดแก๊สมาก หรือการกลืนอากาศซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเคี้ยวอาหาร หายใจ สูบบุหรี่ หรืออื่น ๆ แม้แก๊สส่วนใหญ่จะถูกขับออกมาด้วยการเรอ แต่ก็มีบางส่วนที่ลงไปสู่ระบบย่อยอาหาร ผ่านลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และขับออกมาในรูปแบบของการผายลมในที่สุด

การมีแก๊สสะสมมากจนทำให้ตดหรือผายลมออกมาอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่เป็นไปได้ ดังนี้

อาหารที่รับประทาน อาหารบางชนิดจะทำให้เกิดแก๊สระหว่างที่ถูกย่อยสลายมากกว่าชนิดอื่น ๆ เนื่องจากกระบวนการหรือความยากในการย่อย เป็นสาเหตุให้มีแก๊สในกระเพาะมาก รู้สึกปวดท้อง ท้องอืด และผายลมตามมา โดยเฉพาะอาหารที่ประกอบด้วยน้ำตาลธรรมชาติ มีเส้นใยอาหารสูง หรืออาหารประเภทแป้ง ได้แก่

  • ผักและผลไม้ที่มีน้ำตาลบางชนิดและอาจทำให้เกิดแก๊สในท้องขณะย่อย เช่น น้ำตาลฟรุกโตสที่พบได้ในหัวหอม น้ำตาลแรฟฟิโนสในหน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี น้ำตาลซอร์บิทัลจากลูกพรุน ลูกท้อ แอปเปิล รวมถึงผักผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำ เช่น ถั่วลันเตา แต่หากเป็นเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำก็มักจะถูกย่อยและขับผ่านไปได้โดยง่าย ไม่ทำให้เกิดแก๊สหรือรู้สึกไม่สบายท้อง
  • หมากฝรั่งและลูกอมบางชนิดที่มีส่วนประกอบเป็นสารให้ความหวานอย่างซอร์บิทอล (Sorbitol)
  • อาหารจำพวกแป้งซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตสูง โดยเฉพาะอาหารที่ทำจากธัญพืช ขนมปัง ข้าวโพด มันฝรั่ง แต่อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ดูเหมือนจะไม่ทำให้เกิดแก๊สก็คือข้าว
  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม คนที่มีเอนไซม์แลคเตสไม่เพียงพออาจย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ยาก รวมไปถึงอาหารที่ทำจากนมอย่างไอศกรีม ชีส หรืออาหารใดก็ตามที่มีแลคโตส ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดแก๊สก็ยังอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
  • ข้าวโอ๊ต อีกหนึ่งอาหารที่สามารถทำให้เกิดแก๊สในท้อง เพราะมีเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำสูง การรับประทานข้าวโอ๊ตจึงควรเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นเพื่อให้ร่างกายปรับตัว หรือรับประทานสลับกับอาหารจากรำข้าวสาลีซึ่งมีเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำสูง
  • ถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง หรือถั่วเขียว ซึ่งก็มีน้ำตาลแรฟฟิโนสเช่นกัน อีกทั้งยังประกอบด้วยเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำ
  • เครื่องดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน เครื่องดื่มเหล่านี้ส่งผลให้มีแก๊สในท้องจนรู้สึกไม่สบายท้องได้ เนื่องจากในโซดามีการอัดอากาศหรือแก๊สเข้าไป รวมถึงฟรุกโตสซึ่งเป็นน้ำตาลที่ให้ความหวานและอาจย่อยได้ยาก

การกลืนอากาศมากเกินไป อากาศจำนวนมากสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารผ่านการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร ซึ่งแก๊สกว่า 50 เปอร์เซ็นต์มาจากอากาศที่กลืนเข้าไปนี้เอง ส่งผลให้มีอาการเรอหรือสะอึกตามมาได้ นอกจากนี้ อากาศบางส่วนก็ยังผ่านเข้าไปสู่ระบบย่อยอาหารและถูกปล่อยออกมาทางทวารหนักในรูปของการผายลม โดยปัจจัยที่ทำให้มีการกลืนอากาศมากเกินไปมักพบว่าเกิดจากพฤติกรรมต่อไปนี้

  • เคี้ยวหมากฝรั่ง
  • อมลูกอมหรืออมอาหารบางชนิด
  • รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำอย่างรวดเร็วจนเกินไป
  • ดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม
  • ดื่มน้ำจากหลอด
  • กลืนน้ำลายบ่อยเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกวิตกกังวล
  • สวมใส่ฟันปลอมที่หลวมเกินไป
  • สูบบุหรี่

ผลจากยารักษาโรคหรือปัญหาสุขภาพ

  • ยารักษาโรคหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงให้มีอาการท้องอืดหรือเกิดแก๊สในระบบย่อยอาหารมาก เช่น ยารักษาโรคเบาหวานอย่างอะคาร์โบส (Acarbose) รวมถึงอาหารเสริมใยอาหารบางชนิด
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มักมีอาการท้องอืดก่อนหน้าช่วงมีประจำเดือน โดยเป็นผลจากการที่ร่างกายกักเก็บของเหลวไว้
  • โรคบางชนิดสามารถส่งผลให้มีแก๊สมากและผายลมบ่อย เช่น ภาวะการย่อยแลคโตสผิดปกติ (Lactose Intolerance) เกิดจากการที่ร่างกายไม่ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ซึ่งหากลองงดการดื่มนมแล้วพบว่าตนเองมีแก๊สหรือผายลมน้อยลง อาการดังกล่าวก็อาจสาเหตุจากปัญหานี้ รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีแก๊สมากหรือผายลมบ่อย ได้แก่

ตดเหม็น ตดบ่อย เป็นอันตรายหรือไม่

การตดหรือผายลมเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วันละ 6-20 กว่าครั้ง และมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเป็นปกติ โดยไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายใด ๆ แม้จะมีการกลั้นผายลมก็ตาม ซึ่งบางครั้งแก๊สก็อาจถูกขับผ่านออกมาโดยไม่รู้ตัวในปริมาณเพียงเล็กน้อยและไม่ส่งกลิ่น แต่การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีสารซัลเฟอร์หรือมีแบคทีเรียที่สร้างแก๊สมีเทนหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ ก็อาจส่งผลให้ลมที่ผายออกมามีกลิ่นเหม็นได้

ทั้งนี้ ความถี่หรือลักษณะการผายลมที่ผิดปกติไม่มีข้อบ่งบอกอย่างแน่ชัด การสังเกตอาการด้วยตนเองจึงเป็นสิ่งที่พอจะทำได้ในเบื้องต้น โดยควรไปพบแพทย์เมื่อการผายลมเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ผายลมมีกลิ่นเหม็นบ่อยครั้ง หรือในกรณีที่มีอาการใด ๆ ต่อไปนี้ปรากฏร่วมด้วย เพราะอาจแสดงถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรง

  • ปวดท้องและท้องอืดต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • มีอาการท้องเสียหรือท้องผูกเกิดขึ้นซ้ำ ๆ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • กลั้นอุจจาระไม่อยู่
  • มีเลือดปนในอุจจาระ
  • มีอาการบ่งบอกถึงการติดเชื้อ เช่น ไข้สูง หนาวสั่น อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดข้อต่อ เป็นต้น

วิธีป้องกันการตดเหม็นหรือตดบ่อย

การตดหรือผายลมที่มีกลิ่นเหม็นนั้นหลีกเลี่ยงได้โดยพยายามลดการรับประทานอาหารที่มีสารซัลเฟอร์ ซึ่งก่อให้เกิดแก๊สที่มีกลิ่น เช่น หัวหอม กระเทียม หน่อไม่ฝรั่ง ไข่ นม แป้งข้าวโพด ผักกาดหอม มะเขือเทศ ถั่วเหลือง และปลาบางชนิดอย่างแซลมอน ส่วนวิธีป้องกันการผายลมบ่อยอาจทำได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่มักทำให้เกิดการสะสมแก๊สเป็นจำนวนมาก ดังนี้

  • ลดอาหารที่มีเส้นใยอาหาร น้ำตาลธรรมชาติ และแป้งที่ย่อยยาก ซึ่งจะทำให้เกิดแก๊สในระบบย่อยอาหารขึ้นมาก ได้แก่
    • ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ แตงกวา พริกหยวก หัวหอม ถั่วลันเตา มันดิบ หัวผักกาดแดง
    • ผลไม้บางชนิด เช่น แอปริคอท แอปเปิลแดง แอปเปิลเขียว กล้วย แตงโม ลูกพรุน ลูกท้อ ลูกแพร์
    • ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ข้าวโอ๊ต
    • ถั่วบางชนิด เช่น ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง
    • นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส ไอศกรีม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะย่อยแลคโตสผิดปกติ
    • เครื่องดื่มน้ำอัดลมต่าง ๆ รวมถึงน้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์
    • อาหารชนิดอื่นนอกจากนมที่อาจประกอบด้วยแลคโตส เช่น ขนมปัง น้ำสลัด และธัญพืช
    • อาหารจากไข่
    • อาหารทอดหรืออาหารที่มีไขมันสูง สามารถก่อให้เกิดอาการท้องอืดได้
    • น้ำตาลและสารที่ใช้แทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล
  • รับประทานอาหารและดื่มน้ำช้า ๆ เพราะการรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบจนเกินไปอาจทำให้มีการกลืนอากาศลงไปมากและเกิดแก๊สตามมาในที่สุด นอกจากนี้ ผู้ที่สวมใส่ฟันปลอมควรตรวจดูให้ดีก่อนว่ามีความพอดีกับช่องปาก เพราะหากฟันปลอมหลวมจะทำให้เกิดการกลืนอากาศเข้าไประหว่างเคี้ยวอาหารได้
  • อย่าดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร เนื่องจากจะทำให้สูญเสียกรดที่ใช้ในการย่อยอาหาร ทำให้อาหารถูกย่อยสลายได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทางที่ดีควรดื่มน้ำในช่วง 30 นาทีก่อนรับประทานอาหาร จะช่วยให้กระเพาะสามารถย่อยได้ดีขึ้น
  • เลี่ยงพฤติกรรมใด ๆ ที่อาจทำให้ต้องกลืนอากาศเข้าไป เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง สูบบุหรี่ หรือดื่มน้ำจากหลอด
  • ไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มใด ๆ ที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างซอร์บิทอลหรือน้ำตาลแอลกอฮอล์ โดยซอร์บิทอลนั้นมักนำมาใช้เป็นส่วนผสมในหมากฝรั่ง

อย่างไรก็ตาม อาหารหรือพฤติกรรมแต่ละอย่างอาจส่งผลแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนจะเกิดแก๊สมากหากรับประทานผลไม้กับโปรตีน แต่บางคนอาจมีแก๊สมากจากการรับประทานอาหารประเภทแป้งกับโปรตีนร่วมกัน ทางที่ดีควรสังเกตปัจจัยต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นสาเหตุให้มีแก๊สสะสมในระบบย่อยอาหารมาก โดยลองจดบันทึกว่ารู้สึกอึดอัดท้อง เรอ หรือผายลมหลังจากการรับประทานอาหาร ยารักษาโรค หรือการทำกิจกรรมใด ๆ เพื่อเลี่ยงพฤติกรรมและอาหารที่น่าจะเป็นตัวการกระตุ้นการผายลมโดยเฉพาะ

วิธีรักษาเพื่อลดแก๊สในระบบย่อยอาหาร

การมีแก๊สในระบบย่อยอาหารมากเกินไปนั้น ยังไม่มียาสำหรับรักษาให้หายอย่างเด็ดขาด มีเพียงยาบางชนิดที่อาจช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อย ซึ่งมีขายตามร้านขายยาทั่วไป เช่น

  • แอลฟา-กลูโคซิเดส ตัวยาประกอบด้วยเอนไซม์ที่จะช่วยย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในอาหารจำพวกถั่ว ธัญพืช และผักหลาย ๆ ชนิดให้กลายเป็นน้ำตาลที่ย่อยง่ายขึ้น โดยรับประทาน 2-3 เม็ดก่อนมื้ออาหาร ทว่าอาหารเสริมชนิดนี้จะไม่เห็นผลในกรณีที่แก๊สเกิดจากเส้นใยอาหารหรือแลคโตส
  • เอนไซม์แลคเตส สามารถช่วยย่อยแลคโตสในนม สำหรับผู้ที่มีภาวะย่อยแลคโตสในนมผิดปกติ
  • ยาไซเมทิโคน เป็นยาที่ช่วยลดฟองแก๊สในระบบย่อยอาหาร
  • ถ่านกัมมันต์หรือชาร์โคล อาจมีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดแก๊สหรืออาการท้องอืด โดยจะไปจับกับของเหลวในลำไส้และลดแก๊ส ลดอาการท้องอืด ทั้งยังทำให้อุจจาระจับตัวเป็นเนื้อยิ่งขึ้น

เนื้อหาโดย: noknoixx1993
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
noknoixx1993's profile


โพสท์โดย: noknoixx1993
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: noknoixx1993
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นสูตรคำนวณงวด 2/1/69นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจจีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์ช่องทางการรับรางวัลสลากกาชาดมหาดไทย 2568 ตรวจสอบสิทธิและติดต่อรับโชคได้ถึงต้นปีหน้างงทั้งสถานี ไวรัลญี่ปุ่น คู่ชายหญิง ทำอะไรบางอย่างกลางชินจูกุ คนหยุดดูเป็นตาเดียวกัมพูชา ยอมทุบเขื่อนที่หวังเปลี่ยนพื้นที่ หลัก กม.73เทรนด์ใหม่ "ปิดไฟอาบน้ำ" ช่วยแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" แพทย์ชี้ช่วยรีเซ็ตร่างกายได้จริงอาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชา
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เทรนด์ใหม่ "ปิดไฟอาบน้ำ" ช่วยแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" แพทย์ชี้ช่วยรีเซ็ตร่างกายได้จริงข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชากัมพูชา ยอมทุบเขื่อนที่หวังเปลี่ยนพื้นที่ หลัก กม.73ช่องทางการรับรางวัลสลากกาชาดมหาดไทย 2568 ตรวจสอบสิทธิและติดต่อรับโชคได้ถึงต้นปีหน้าแซลม่อน ซึมซับความเป็นญี่ปุ่น ที่หลายคนต้องการเน้นสดอร่อย
เปรมชัย นั่งวิลแชร์ เข้ารับข้อกล่าวหา คดีตึกถล่ม สน. บางซื่อพระผู้ใหญ่ติง ห้ามเรียก "ไอ้แย้ม" ต้องเรียกเจ้าคุณเพราะยังเป็นพระอยู่!เปรมชัย นั่งวิลแชร์เข้ามอบตัวสน.บางซื่อ คดีตึกถล่ม!ย้อนตำนานลุงเอี่ยม คนพิการ เก็บเงินจากการขอทานบริจาคให้วัดไร่ขิง เหลือติดตัวแค่ 1 บาท
ตั้งกระทู้ใหม่