ท่องโลกดึกดำบรรพ์: คนแคระกลุ่มสุดท้ายแห่งเกาะภูเขาไฟ
ยุคไพสโตซีน (1 ล้านปี - 30,000 ปีที่แล้ว) คือช่วงเวลาสุดท้าย ตรงกับยุคน้ำแข็งที่ซีกโลกเหนืออากาศเย็นและแห้ง จนมีน้ำแข็งขั้วโลกขึ้นมาทั้งในทวีปแอนอาร์ติกกาและทะเลในขั้วโลกเหนือเกิดขึ้นมากมาย ในช่วงเวลานี้มีสิ่งมีชีวิตมากมายเกิดขึ้นและสูญพันธุ์ลง ตอนนี้มนุษย์ในสกุล Homo พัฒนาจนมีมากมาย และมนุษย์ปัจจุบัน (Homo Sapiens) ได้ถือกำเนิดขึ้นมา และมีการอพยพไปตามสถานที่ต่างๆ ในโลกนอกจากแอฟริกาเพื่ออาหารและแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ๆ แต่ว่า ก็มีมนุษย์ชนิดอื่นๆ ที่แยกสายวิวัฒนาการมาก่อนหน้าแล้วเช่นกัน
ในตอนนี้ คุณได้เดินทางมายังเกาะฟลอเรส เกาะขนาดกลางแห่งหนึ่งในทะเลแถบประเทศอินโดนีเซีย เกาะแห่งนี้ยังคงอบอุ่นอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตร และมีกิจกรรมจากภูเขาไฟที่คอยสร้างความอบอุ่นในภูเขาปกป้องสิ่งมีชีวิตจากความหนาวเย็น ในจุดนี้เองยังคงมีระบบนิเวศที่หลากหลายและสัตว์อื่นๆ อีกมากมายด้วย
(โฮโม ฟลอเรสซิเอนซิส)
ในป่าดงดิบที่คุณย่างกรายไป คุณได้พบกับสัตว์คล้ายลิงกลุ่มหนึ่ง ที่ลำตัวมีขนเป็นหย่อมๆ แต่ว่องไวมาก เมื่อพวกเขาเห็นคุณก็มองดูพิจรณาคุณ และเห็นว่าคุณไม่ได้เป็นภัย ก่อนจะเดินจากไป นี่คือ โฮโม ฟลอเรสซิเอ็นสิส (Homo Floresiensis) เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่แตกสายวิวัฒนาการกับมนุษย์ มีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อนจึงมีลักษณะของการยืนสองขาแบบมนุษย์ แต่มีกรามยื่นและจมูกแบนพร้อมทั้งยังอาจจะมีขนสั้นเป็นหย่อมๆ อยู่ มนุษย์ฟลอเรสอาจจะมีบรรพบุรุษบางส่วนที่ขึ้นแพธรรมชาติหรืออพยพมายังเอเชียแผ่นดินใหญ่และลงมายังซุนดาแลนด์จนมาถึงฟลอเรส และพอสะพานแผ่นดินซุนดาแลนด์หายไป พวกเขาก็ถูกทิ้งให้อยู่ที่นี่และวิวัฒนาการให้ตัวเล็กเพื่อความสะดวกในการอาศัยในป่ารก เรามีการค้นพบฟอสซิลของพวกเขาในถ้ำแห่งหนึ่งในเกาะฟลอเรส ในปี ค.ศ. 2003 พวกเขาใช้อาวุธหินทำมีดและหอก มีการล่าเป็นกลุ่มและกินอาหารด้วยการใช้ไฟทำให้สุกอีกด้วยจากคราบเขม่าของกองไฟที่พวกเขาเคยจุดใช้กัน
แน่นอนว่า มนุษย์ฟลอเรสมีความสูงเพียง 1.2 เมตร แต่ก็เพียงพอที่พวกเขาจะสามารถวิ่งไล่ล่าสัตว์บนเกาะได้ท่ามกลางดงไม้และรากไม้รก กลุ่มที่คุณเจอนี้เป็นนายพรานของเผ่าหนึ่ง พวกเขาจะไปล่าสัตว์กันและต้องการเนื่อสัตว์จำนวนมาก เพราะในเผ่าของเขาป่วยอยู่ มาดูกันเลย!
พวกเราตามมนุษย์ฟลอเรสมาถึงลานโล่งของน้ำตก มีช้างขนาดจิ๋วอาศัยอยู่ นี่คือ สเตโกดอน (Stegodon) แต่เป็นสเตโกดอนแคระ ช้างในสกุลนี้มีหน้าผากยาวและงายาว พบกระจายพันธุ์มากทั่วเอเชีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และปากีสถาน แต่พวกที่อาศัยอยู่บนเกาะต่างๆ ในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์นี้มีขนาดตัวเล็กจากแหล่งอาหารที่จำกัด ถึงจะสูงเท่าควายบ้าน แต่ก็เป็นเนื้อที่เพียงพอกับเหล่ามนุษย์ฟลอเรส
เหล่านายพรานซุ่มโจมตีรอเงียบๆ ในพุ่มไม้ เมื่อเจ้าช้างหันหลังออกไป พวกมนุษย์ฟลอเรสวิ่งออกมาพร้อมหอกไม้ติดหินที่ปลายและเริ่มแทงไปที่สีข้างของเหยื่อ พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวนน่ากลัวขณะที่เจ้าช้างฟาดงวงและงาพยายามแทงเหล่านายพรานกลับ แต่มันก็ไร้ผลเมื่อหอกเล่มแล้วเล่มเล่าแทงเข้ามาจนเจ้าช้างแครเลือดออกในที่สุด หลังจากรบกันอยู่ครึ่งชั่วโมง พวกเขาจัดการช้างแคระได้ในที่สุด
เหล่ามนุษย์ฟลอเรสเริ่มชำแหละช้าง โดยมีหัวหน้าพรานที่เป็นจ่าฝูงชำแหละให้ จะคล้ายวานรก็ไม่เชิง แต่มนุษย์ฟลอเรสนั้นมีกลีบสมองที่ใหญ่ไม่ต่างจากมนุษย์ปัจจุบันและบรรพบุรุษร่วมสาย พวกเขาคือพรานตัวฉกาจที่คิดซับซ้อน มีครอบครัวและรักครอบครัวเป็น งาของสเตโกดอนจะนำไปทำกระบองหรือมีดกระดูกที่ใช้เวลาเหลาน้อยกว่าหิน และเนื้อจะแบกกลับบ้านไปให้เหล่าสมาชิกในเผ่าที่เหลือ เอาล่ะ พวกเขาจะกลับแล้ว ไปเร็ว!
ตกเย็นนั้นเอง เหล่ามนุษย์ฟลอเรสนำเอาอาหารมากองรวมกัน พวกผู้หญิงหาผลไม้ใหม่มาและดูแลลูกๆ พร้อมกับคนแก่ในถ้ำ พวกเขานั่งกิน ร้องด้วยความดีใจที่พวกเขาจะได้กินอาหารแล้ว แต่ความสุขในไม่ช้าจะหมดไป
แน่นอนว่า ในช่วงเวลานี้ มนุษย์ปัจจุบันกลุ่มแรกก็เข้ามายังฟลอเรสเช่นกัน ด้วยความต่างที่สร้างความเกลียดชัง อาหารที่หากินใช้ร่วมกัน และโรคภัยจากพวกเรา สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่ามนุษย์ฟลอเรสถูกมองเป็นภัยร้าย ขณะนั้นเอง เหล่ามนุษย์ปัจจุบันโยนขี้ไต้ติดไฟเข้ามาในถ้ำ พวกเขาปาหินเข้าไปในถ้ำทำให้เหล่านักรบของมนุษย์ฟลอเรสคว้าอาวุธออกไปต่อสู้ ตอนนี้เหล่ามนุษยปัจจุบันเข้ามาถึงในถ้ำและเริ่มต่อสู้ ด้วยอาวุธประเภทธนูที่พัฒนามากกว่า เป็นเทคโนโลยีที่นิยมมากแต่มนุษย์ฟลอเรสไม่มีการคิดค้น พวกเขาจึงค่อยๆ ล้มตายราวกับใบไม้ร่วงไปทีละคน เหล่าผู้หญิงจูงมือลูกน้อยหนีออกไปอีกทางเช่นเดียวกับที่นักรบบางคนสู้ไม่ได้ก็ถอยไป ในที่สุด มนุษย์ปัจจุบันก็ชนะและทำลายรังของมนุษย์ฟลอเรสจนราบคาบ
น่าสงงสารพวกมนุษย์ฟลอเรสจริงๆ ตอนนี้พวกเขาเสียบ้าน คนป่วยตายในกองไฟถูกไฟคลอกจนหมด พวกเขาต้องออกเดินทางอพยพโดยมีสมาชิกแค่ 12 คนรวมหัวหน้า พวกเขาต้องออกเดินทางย้ายไปยังเขตภูเขาไฟ เพราะที่นั่นมีถ้ำมากมายและค่อนข้างร้อนระอุกว่าที่มนุษย์ปัจจุบันจะเข้ามาแย่งที่อยู่ไม่ได้ และการเดินทางแบบไร้จุดหมายโต้รุ่งก็คือสิ่งที่พวกเขาต้องทำ
(หนูพุกยักษ์ฟลอเรส)
ตอนนี้พวกเขาเดินลัดเลาะป่ามาเรื่อยๆ ป่าดงดิบของเกาะฟลอเรสนี้ นอกจากช้างแล้ว ก็มีกวาง ลิง หมูป่า และหนูพุกยักษ์ที่เป็นหนูขนาดใหญ่ด้วย สมากชิกที่พอเหลือเดินไปที่รูหนูพุกและใช้ไม้ขุดรูก่อนจะแทงหนูในรู หลังจากก่อไฟเลี้ยงเหล่าสมาชิกในเผ่าจนครบ พวกเขาก็มีแรงเดินทางต่อแล้ว
ขณะที่เดินไปสักพัก สัตว์ขนาดใหญ่ขวางทางของพวกเขาไว้ อสูรกายคู่ปรับที่ตัวใหญ่และดุร้าย ไม่ใช่เสือ ไม่ใช่หมาป่า มันคือ มังกรโคโมโด (Varanus komodoensis) มังกรโคโมโด เป็นสัตว์ในวงศ์ตัวเงินตัวทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ยาวได้ถึง 5 เมตร เพราะบนเกาะฟลอเรสห่างไกลเกินจนไม่มีเสือหรือหมาป่ามาถึง มังกรโคโมโดจึงมีขนาดตัวใหญ่และดุร้าย พวกมันกินช้างแคระ กินลิง หมู และกวางที่จับได้ แต่มนุษย์ฟลอเรสเองก็เหมาะเช่นกัน
มังกรโคโมโดฝูงนี้เห็นมนุษย์ฟลอเรสวัยอ่อนในเผ่า มันก็เริ่มวิ่งตรงเข้ามาจะจับกิน หัวหน้าออกวิ่งปกป้องล่อลูกฝูงไปอีกทาง มันคือการเสียสละที่ยากมาก แต่เพื่อให้ที่เหลือปลอดภัย มันคือราคาที่ต้องจ่ายด้วยชีวิต หัวหน้าวิ่งลับไปพร้อมกับเหล่ามังกรโคโมโดอีก 5 ตัวจนทางสะดวก สมาชิกที่เหลือก็วิ่งจูงมือกันหนีออกไปจนพ้นภัยในที่สุด
ในไม่ช้าตอนเย็น พวกเขาก็มาถึงภูเขาไฟ ข้างในยังคงมีภูเขาไฟที่คุกกรุ่นและอันตราย แต่พวกเขาเองก็กำลังจะลำบาก จึงต้องจำใจนอนที่นี่ไปก่อนค่อยไปหาภูเขาลูกใหม่อยู่ ขณะที่นอนกันอยู่นั้นเอง แก็สพิษและเถ้าภูเขาไฟถูกพ่นออกมา พร้อมกับแม็กม่าสีแดงฉานที่เรืองแสงเรือๆ ตอนนี้สายเกินจะหนีไปแล้ว แรงสั่นสะเทือนของภูเขาไฟทำให้ดินถล่มถ้ำจนไม่มีใครหนีไปทัน ทุกคนถูกขังจนตายในทันที และสิ้นสุดความลำบากของคนแคระ มนุษย์ฟลอเรสกลุ่มสุดท้ายได้สูญพันธุ์ลงอย่างสมบูรณ์
ถึงแม้จะเหลือเพียงฟอสซฺิล นักวิทยาศาตร์เล็งเห็นความสำคัญของตัวอย่างเหล่านี้ พวกเขาจึงได้ศึกษาและเข้าใจถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ได้มากขึ้น ไม่แน่ว่า พวกเราอาจจะพบปริศนาอีกว่า สภาพอากาศและการปะทุของภูเขาไฟที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือว่าการที่มนุษย์ยุคปัจจุบันเข้ามารุกล้ำและสร้างที่อยู่แย่งกับเหล่ามนุษย์ฟลอเรส ปัจจัยไหนทำให้สายพันธุ์ที่น่าแปลกประหลาดนี้สิ้นชีพลงกันแน่?!
ตอนต่อไป เดินทางไปยังออสเตรเลีย เกาะโล่งๆ ที่ห่างไกลที่มนุษย์ปัจจุบันเดินทางไปถึง ดินแดนของสัตว์ยักษ์ที่ดุร้ายและแปลกประหลาด นี่คือตำนานแห่งแดนใต้ จะมีอะไรรอเราอยู่กันแน่ โปรดติดตามใน ท่องโลกดึกดำบรรพ์!