เที่ยวทะเลสิ ดีต่อใจ ได้ประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ
ประโยชน์ ของการไปทะเล
ประโยชน์จากวิตามินดี ในแสงแดด
การออกไปรับแสงแดด เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยเสริมวิตามินดีให้แก่ร่างกาย เมื่อผิวหนังได้สัมผัสกับแสงแดด ชั้นผิวหนังก็จะสร้างวิตามินดีขึ้น วิตามินดีนี้จะไปช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง หากร่างกายได้รับแสงแดดในระยะเวลา 5 – 30 นาทีเป็นประจำ น้ำมันในผิวหนัง จะทำปฏิกิริยากับแสงแดด กลายเป็นที่มาของวิตามิน ซึ่งจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
จากผลการศึกษา พบว่า ผู้ที่มีภาวะขาดแคลนวิตามินดี มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ดังนั้นการไปตากแดดบ้างเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีมากขึ้น ก็จะช่วยป้องกันทั้งความเสี่ยงของภาวะขาดแคลนวิตามินดี และโรคซึมเศร้า อีกทั้งช่วยกระตุ้นการผลิตเอนดอร์ฟิน สารแห่งความสุข ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ตลอดจนลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
ช่วยบรรเทาความเครียด
มีผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์วิชาการ Sciencedirect พบว่า การออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติ อย่าง การว่ายน้ำในทะเล มีส่วนบรรเทาความเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้
เนื่องจากขณะที่ว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ระดับคอร์ติซอล (Cortisol) หรือ “ฮอร์โมนแห่งความเครียด” ในร่างกายจะลดลง ฮอร์โมนนี้หากอยู่ในระดับปกติ จะมีประโยชน์ต่อการควบคุมความดันโลหิต ลดการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ถ้ามีมากเกินไป จะทำให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล
ประโยชน์ของแร่ธาตุ ในน้ำทะเล
น้ำทะเลเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ ได้แก่ แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม และไอโอดีนซึ่งการลงไปสัมผัสน้ำทะเลจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ เรียกว่าเป็นศาสตร์การรักษาด้วยน้ำทะเล หรือ Thalassotherapy เป็นศาสตร์ที่มีการคาดการณ์ว่าเริ่มต้นตั้งแต่สมัยโรมันการแช่น้ำทะเลไม่เพียง รักษาโรคผิวหนังเท่านั้น แต่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้ดี ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของแผล
ปัจจุบันยังมีการค้นพบว่าแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำทะเลนั้นมีประโยชน์และสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ ผลวิจัยยืนยันว่า ระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงสามารถเพิ่มขึ้นได้ระหว่าง 5 - 20 % หลังจากได้ว่าย หรืออาบน้ำทะเล เช่นเดียวกับเซลล์เม็ดเลือดขาว อีกทั้งการแช่น้ำทะเลในระยะเวลาหนึ่งก็จะช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดภายในร่างกายดีขึ้นได้ ในขณะที่แมกนีเซียมในน้ำทะเล มีคุณสมบัติ ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ทำให้ลดความตึงเครียด และช่วยเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดให้กลายเป็นพลังงานได้
ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
การว่ายน้ำใน ทะเล การเดินย่ำหาดทรายด้วยเท้าเปล่า การนอนฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง มีส่วนทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกายที่สมดุล ช่วยให้นอนหลับได้ดี หากมีโอกาสลงไปว่ายน้ำในทะเล การหายใจในทะเลมีส่วนกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินหายใจ จะทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
ประโยชน์จากอากาศ
อากาศที่เจือกลิ่นเค็มของทะเล ดีต่อระบบทางเดินหายใจ เพราะเต็มไปด้วยไอโอดีน แมกนีเซียม และธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้ ตลอดจนมีอาการไอเรื้อรัง ถ้าได้ลองมานั่งสูดกลิ่นอายทะเล ก็อาจจะช่วยให้อาการฟึดฟัด คัดจมูก ที่เป็นอยู่ดีขึ้นได้ มากไปกว่านั้นในอากาศที่พัดพามาจากทะเล ยังประกอบไปด้วยประจุลบของไฮโดรเจน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยสร้างสมดุลของระดับเซโรโทนิน ที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย และลดภาวะซึมเศร้า
ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้มากขึ้น
เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิดกว้างท่ามกลางธรรมชาติ คุณสามารถเดิน หรือวิ่งเหยาะ ๆ ในตอนเช้าไปตามแนวชายหาด ว่ายน้ำใน ทะเล ตอนบ่าย หรือเล่นกีฬาทางน้ำอย่าง แล่นเรือใบ โต้คลื่น พายเรือ ดำน้ำ หรือโต้คลื่น มีกิจกรรมมากมายให้ได้ออกกำลังแขน และกำลังขา ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายได้ใช้พลังงาน และเสริมความแข็งแรงให้มากขึ้น
ช่วยให้ได้ออกกำลังเท้า
เท้า หรือ ฝ่าเท้าของเรามีต่อมเหงื่อ และเส้นประสาทสำคัญรวมอยู่มากมาย การเดินเท้าเปล่าบนชายหาดมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทที่ฝ่าเท้า และยังกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อเท้าให้มากขึ้นด้วย
มีผลการวิจัย พบว่า การเดินบนหาดทรายต้องใช้พลังงาน มากกว่า การเดินบนพื้นผิวที่แข็ง หรือเรียบ 1.6-2.5 เท่า การเดินสลับวิ่งบนหาดทราย ช่วยให้กล้ามเนื้อที่เท้าได้ออกแรงมากขึ้น เสริมความแข็งแรงให้กับเท้าได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของพื้นทราย
การทิ้งตัวลงนอนบนผืนทราย ซึ่งมีสัมผัสที่หยาบกำลังดี รวมกับแร่ธาตุในทราย และ น้ำทะเล จะทำหน้าที่เป็นสครับธรรมชาติ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พร้อมเผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่ม ช่วยกระตุ้นรูขุมขนให้ขับของเสียได้ดีขึ้น เป็นวิธีการดูแลสุขภาพแนวใหม่ หรือ ‘ฝังทรายบำบัด’ ด้วยการขุดทรายขึ้นมากลบตัวแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 – 30 นาที วิธีนี้จะช่วยปรับระบบการทำงานภายในร่างกาย สร้างสมดุลของเกลือแร่ กระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด และช่วยขับของเสียออกมาทางเหงื่อ แต่วิธีนี้อาจจะต้องเล็งจุดให้ดีหน่อย จะได้ไม่มีสิ่งสกปรก เปลือกหอย หรือก้อนหินมาสร้างบาดแผลให้ผิวของเราได้ ถ้าให้ง่ายกว่านั้น แค่การเดินบนพื้นทรายด้วยเท้าเปล่า ก็กระตุ้นให้สมองผลิตสารเซโรโทนิน ที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายได้แล้ว