หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องสั้นลึกลับ (แต่ง)

เนื้อหาโดย yaaklao

คืนที่ไร้แสงดาว

ในค่ำคืนอันมืดมิดที่ไร้แสงดาว ลมหนาวพัดผ่านทำให้ผิวหนังของ "วิลาศ" ชายหนุ่มวัยกลางคน รู้สึกเย็นเฉียบ แม้จะเป็นช่วงปลายฤดูฝนที่สายฝนหยุดลงแล้ว ทว่าท้องฟ้ากลับไม่ปรากฏแสงจันทร์หรือแสงดาวแม้แต่น้อย มีเพียงหมู่เมฆสีดำทึบที่ดูเหมือนกำลังบีบคั้นความมืดให้เข้ามาใกล้ตัววิลาศมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

วิลาศเป็นนักเขียนแนวสืบสวนผู้มีชื่อเสียง แม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวในคืนนั้นทำให้เขาต้องคิดใหม่ ท่ามกลางความวุ่นวายและเรื่องราวที่เขียนไม่เสร็จ เขาเลือกที่จะออกมาหาที่เงียบสงบเพื่อปลดปล่อยความเครียด

 

หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในชนบท เป็นที่ที่เขาตัดสินใจจะพักผ่อนและหาความสงบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับงานเขียนใหม่ วิลาศเช่าบ้านเก่าหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากชุมชน โดยมีเพียงบ้านหลังอื่น ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในทุ่งนากว้างใหญ่ เขาเคยได้ยินเรื่องเล่าจากชาวบ้านเกี่ยวกับตำนานแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

 

คืนที่เขาย้ายเข้ามาเป็นคืนแรกที่ไร้เสียง สิ่งเดียวที่เขาได้ยินมีเพียงเสียงลมพัดผ่านใบไม้ที่ปลิวไสวและเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ของสัตว์เล็ก ๆ ที่เดินผ่านบริเวณรอบบ้าน อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศจะดูสงบ แต่วิลาศกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างคอยเฝ้ามองเขาอยู่จากที่ไกล ๆ

 

ในคืนนั้น ขณะที่เขากำลังนั่งทำงานด้วยความเงียบสงัด วิลาศเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ เมื่อเขากำลังจดจ่อกับการเขียน จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านนอกประตูบ้าน มันเป็นเสียงเคาะที่ชวนขนลุก ช้าและสม่ำเสมอราวกับมีคนตั้งใจจะให้เขารู้ตัว

 

วิลาศลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานพร้อมกับความสงสัย เขาเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกอย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่เขาพบกลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ไม่มีเงาของคน หรือสัตว์ใด ๆ มีเพียงความว่างเปล่าและความมืดที่ปกคลุมรอบด้าน

 

"อาจจะเป็นเสียงจากลม..." เขาพยายามบอกตัวเอง พลางปิดประตูและเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน

 

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงเคาะเดิมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังมาจากหน้าต่างด้านข้าง วิลาศลุกขึ้นอีกครั้ง เดินไปเปิดหน้าต่าง แต่เขาก็ยังไม่พบสิ่งใดที่เป็นต้นเหตุของเสียงนั้น นอกจากลมที่พัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงใบไม้ที่กระทบกัน

 

เขากลับมานั่งลงพยายามจดจ่อกับงานเขียน แต่ครั้งนี้เสียงเคาะกลับดังขึ้นถี่ขึ้นและดังมากกว่าเดิม ไม่เพียงแค่จากหน้าต่างหรือประตู แต่เหมือนกับมีเสียงเคาะมาจากทุกทิศทางของบ้าน มันฟังดูราวกับมีคนหลายคนกำลังเคาะพร้อมกันในจังหวะที่น่าขนลุก วิลาศรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น เขาเริ่มหวาดระแวงและไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

เสียงเคาะยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด วิลาศรีบคว้าไฟฉายและตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อตรวจสอบรอบ ๆ แต่สิ่งที่เขาพบก็คือทุ่งนาที่ราบเรียบ ไม่มีใครอยู่ ไม่มีสิ่งใดที่อธิบายเสียงแปลกประหลาดนั้นได้

 

ขณะกำลังยืนสงสัย วิลาศสังเกตเห็นเงาบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่ขอบทุ่งนา เขาจับตาดูด้วยความระมัดระวัง เงานั้นสูงโปร่งและเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ราวกับกำลังลอยอยู่ในอากาศ เมื่อเขาพยายามสาดแสงไฟฉายไปที่มัน เงานั้นก็หายวับไปในทันที

 

ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำ วิลาศรีบวิ่งกลับเข้าบ้านและล็อกประตูทันที ขณะที่เขากำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อขอความช่วยเหลือ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ

 

บนกระจกหน้าต่างห้องนั่งเล่น ปรากฏรอยมือที่ชัดเจน รอยมือนั้นมีลักษณะคล้ายกับมือของมนุษย์ แต่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ ราวกับเป็นมือของบางสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในโลกนี้ วิลาศค่อย ๆ ก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่การเล่นตลก

 

ในจังหวะที่เขาพยายามจะหายใจลึก ๆ เพื่อสงบสติ เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังมาจากทุกทิศทาง ราวกับกำแพงบ้านทั้งหมดกำลังถูกโจมตี เขาได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ดูเหมือนจะลอยมาจากที่ไหนสักแห่ง เสียงนั้นเหมือนกับเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นสนุก แต่บรรยากาศกลับไม่ได้สร้างความสุขหรืออบอุ่นเลยสักนิด มันเป็นเสียงหัวเราะที่เย็นชาและน่าขนลุก

 

วิลาศพยายามควบคุมตัวเอง เขาตัดสินใจว่าต้องออกจากที่นี่ แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะก้าวไปที่ประตูไฟในบ้านก็พลันดับวูบลง ทิ้งให้เขาติดอยู่ในความมืดที่หนาทึบ สิ่งเดียวที่เขามีคือลำแสงอ่อน ๆ จากไฟฉายที่สั่นไหวในมือ

 

ขณะที่เขาพยายามหาทางออกจากบ้าน ความรู้สึกหนาวเย็นแทรกผ่านผิวหนังของเขาอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกเหมือนมีใครบางคนหรือบางสิ่งบางอย่างยืนอยู่ใกล้ ๆ เขารู้สึกถึงลมหายใจเบา ๆ ที่คอของเขา และทันใดนั้นเอง เสียงกระซิบแผ่วเบาก็ดังขึ้นข้างหู

 

"คุณหนีไม่พ้นหรอก..."

 

วิลาศรีบหันไปทางที่มาของเสียง แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงเงาดำทมึนที่คล้ายกับร่างมนุษย์ แต่ไม่มีใบหน้าหรือรายละเอียดใด ๆ เงานั้นยืนอยู่เพียงแค่ไม่กี่ก้าวจากตัวเขา มันเอื้อมมือมาใกล้ วิลาศรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่แขนของเขา ร่างกายของเขาถูกดึงเข้าหาเงาดำนั้นอย่างช้า ๆ

 

ก่อนที่เขาจะรับรู้ถึงสิ่งใดอีก ความมืดก็เข้าครอบงำทุกอย่าง หลงเหลือเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเบา ๆ และความเงียบสงัดที่กลับมาเยือนบ้านหลังเก่านั้นอีกครั้ง

 

---

 

เมื่อเช้าตรู่ของวันถัดมา ชาวบ้านพบว่าบ้านที่วิลาศเช่าอยู่นั้นถูกทิ้งร้าง โดยไม่มีร่องรอยของเขาหลงเหลืออยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน และแม้จะมีการค้นหา ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ ยกเว้นเพียงรอยมือขนาดใหญ่ที่ยังคงปรากฏอยู่บนกระจกหน้าต่าง

 

ชาวบ้านในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่วิลาศพักอาศัยอยู่เริ่มพูดถึงการหายตัวไปของเขาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ หลายคนเชื่อว่าการหายตัวไปของวิลาศนั้นเกี่ยวข้องกับตำนานลึกลับของหมู่บ้านที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน

 

ในอดีต หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่มีการทำพิธีกรรมลึกลับ โดยเฉพาะในคืนที่ไร้แสงจันทร์และแสงดาว ชาวบ้านเชื่อว่าในคืนเช่นนี้ มิติระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณจะบางลงจนทำให้วิญญาณที่ถูกกักขังในโลกอื่นสามารถแทรกผ่านมายังโลกของเราได้ การหายตัวไปอย่างลึกลับของผู้คนหลายรายตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นในคืนที่ไร้แสงดาวเช่นนี้ และวิลาศดูเหมือนจะเป็นเหยื่อรายล่าสุด

 

หนึ่งในชาวบ้านผู้สูงอายุชื่อ "ยายจันทร์" เป็นคนที่รู้เรื่องราวของตำนานนี้ดีที่สุด เธอเคยเตือนนักท่องเที่ยวและผู้ที่ผ่านเข้ามาให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางทุ่งนาหรือใกล้ป่าในคืนที่ไร้แสงดาว ทว่าคำเตือนของเธอมักถูกมองข้ามและเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าของคนเฒ่าคนแก่ที่ต้องการขู่ให้คนอยู่แต่ในบ้าน

 

หลังการหายตัวไปของวิลาศ ยายจันทร์เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ ราวกับมีสิ่งชั่วร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้หมู่บ้านอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจไปหาหลานชายของเธอ "เพชร" ซึ่งเป็นคนหนุ่มที่เคยได้ยินตำนานนี้มาตั้งแต่เด็ก แม้เพชรจะไม่เชื่อเรื่องราวเหนือธรรมชาติ แต่เมื่อยายจันทร์บอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าวิลาศอาจถูกดึงไปสู่โลกวิญญาณ เขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

 

"ถ้าเราไม่รีบทำอะไร คนอื่น ๆ อาจจะหายตัวไปอีก" ยายจันทร์บอกเพชรด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ขณะที่นั่งอยู่ในบ้านเก่าหลังเล็ก ๆ ของเธอ ใบหน้าของยายจันทร์ซีดเซียวราวกับมีบางสิ่งกำลังตามหลอกหลอนในจิตใจของเธอ

 

"แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ ยาย? นี่มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปตามหาคนในโลกวิญญาณได้นะ!" เพชรตอบกลับด้วยความไม่เชื่อ แต่แววตาของเขาบ่งบอกว่าเริ่มมีความกลัวบางอย่างแทรกเข้ามา

 

"มีวิธีเดียวเท่านั้น" ยายจันทร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "เราต้องไปที่ศาลเจ้าร้างในป่า และทำพิธีเรียกวิญญาณ"

 

ศาลเจ้าร้างที่ยายจันทร์พูดถึงนั้นเป็นสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างมานานนับสิบปี ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในป่าห่างจากหมู่บ้านหลายกิโลเมตร ศาลเจ้านี้เคยเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านทำพิธีกรรมเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากวิญญาณร้าย แต่เมื่อชาวบ้านเริ่มละเลยและหันไปหาความเจริญสมัยใหม่ ศาลเจ้าก็ถูกลืมเลือนไป

 

เพชรรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินแผนของยาย แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น หากมีโอกาสที่จะช่วยวิลาศได้ เขาก็ต้องลองทำดู ทั้งคู่เตรียมตัวออกเดินทางในเช้าวันถัดมา โดยไม่บอกใครในหมู่บ้าน เพราะกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายหากข่าวลือเรื่องวิญญาณร้ายแพร่กระจายออกไป

 

ระหว่างทางไปยังศาลเจ้า ป่าดูเงียบสงัดผิดปกติ เสียงนกร้องที่เคยได้ยินอยู่เป็นประจำก็หายไป ทิ้งไว้เพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ วิวทิวทัศน์รอบข้างกลับดูมืดครึ้ม ราวกับแสงอาทิตย์ถูกบดบังด้วยพลังบางอย่าง

 

เมื่อมาถึงศาลเจ้า เพชรและยายจันทร์ต้องเจอกับบรรยากาศที่น่าขนลุก ศาลเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้ขึ้นรกทึบ ทว่าบรรยากาศรอบ ๆ ศาลกลับรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่

 

"เอาล่ะ หลานเอ๋ย เราจะเริ่มพิธีเดี๋ยวนี้แหละ" ยายจันทร์พูดพร้อมกับหยิบธูปและเทียนออกมา

 

พิธีกรรมเริ่มต้นขึ้น ยายจันทร์กล่าวคำสวดมนต์โบราณที่เคยใช้ในการเรียกและสื่อสารกับวิญญาณ เสียงของเธอดังก้องไปทั่วป่า ขณะที่เพชรยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความตึงเครียด จู่ ๆ ลมแรงพัดผ่านศาลเจ้าอย่างแรง ราวกับมีบางสิ่งกำลังตอบรับการเรียกของยายจันทร์

 

ทันใดนั้นเอง เงาดำคล้ายมนุษย์ก็ปรากฏขึ้นตรงกลางศาลเจ้า เพชรเห็นมันลอยอยู่เหนือพื้น ร่างนั้นไม่มีใบหน้า ไม่มีแววตา แต่เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของวิลาศ

 

"เราต้องการพาเขากลับมา!" ยายจันทร์ตะโกนสื่อสารกับวิญญาณร้าย ขณะที่เงาดำนั้นเคลื่อนไหวเข้าใกล้พวกเขา มันไม่ได้ตอบกลับเป็นคำพูด แต่มันส่งความรู้สึกหนาวเย็นที่คืบคลานไปทั่วร่างกายของพวกเขา

 

ขณะที่เพชรกำลังรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่พยายามจะดึงเขาเข้าไปในเงามืด ยายจันทร์หยิบผ้าขาวออกมาแล้วโยนไปที่เงานั้น พร้อมกับกล่าวคำสวดที่หนักแน่น เงาดำเริ่มบิดเบี้ยวและค่อย ๆ หายไปในอากาศ ราวกับถูกดูดกลืนเข้าสู่ความว่างเปล่า

 

หลังจากเงาดำนั้นหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ยายจันทร์ล้มตัวลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า ขณะที่เพชรมองไปรอบ ๆ ศาลเจ้า ทว่ากลับไม่พบร่องรอยของวิลาศ หรือวิญญาณใด ๆ ที่จะพาเขากลับมา

 

ทั้งคู่เดินกลับหมู่บ้านด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ยายจันทร์บอกเพชรว่า แม้เงามืดจะถูกกำจัดไป แต่ไม่มีใครสามารถนำวิลาศกลับมาได้ "เขาติดอยู่ในโลกที่ไม่ใช่ของเรา" ยายจันทร์กล่าวอย่างเศร้าใจ

 

คืนต่อมา หมู่บ้านกลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่สำหรับเพชรและยายจันทร์ ตำนานลึกลับที่พวกเขาเพิ่งเผชิญหน้านั้นจะติดตามพวกเขาไปตลอดชีวิต

เนื้อหาโดย: yaaklao
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
yaaklao's profile


โพสท์โดย: yaaklao
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เลขเด็ด 16 พ.ย. 67 รวมเลขดังจากสำนักใบ้หวยทั่วไทย คอหวยพลาดไม่ได้!'น้องมายู' ลูกพ่อหนุ่ม กรรชัย รำชุดไทยครั้งแรกในวันลอยกระทงสายฉีดชำระ ควรใช้อย่างไร ? ฉีดจากข้างหน้าไปข้างหลัง หรือ จากข้างหลังไปข้างหน้า ?ทำความรู้จัก "เฟิร์น" ผู้รับบท "มาลี" ผีอาถรรพ์ชุดนางรำในหนัง "มาลี"ย้อนชมโมเม้นต์ “เชย์นิส ปาลาซิโอส” Miss Universe 2023 เยือนประเทศไทยเศร้าสลด!! ทารกแรกเกิด 10 รายถูกไฟคลอกเสียชีวิต หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาลในอินเดีย ส่วนอีก 16 รายอยู่ในอาการวิกฤต20 คำคมสำหรับคนลอยกระทงคนเดียวดราม่าไม่จบ! ปศุสัตว์พบคนวางยาแมว 'แม่หยัว' ไม่ใช่สัตวแพทย์!ผู้กำกับ Godzilla Minus One เตรียมสร้างภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกกับ Sony"ยิ่งโตยิ่งสวย! 'น้องณิริน' ลูกสาว 'หนิง ปณิตา' สวยได้แม่เต็มๆ"คำถามสัมภาษณ์งาน "มด 1 ตัวมี 7 ขา มด 100 ตัวมีกี่ขา?" คนที่ตอบ 700 ตกรอบทันทีคนกรุงร่วมใจ! สรุปยอด "กระทง" 67 ทั่วกรุงเทพฯ ลดลง 20% วัสดุธรรมชาติครองแชมป์!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"นักแสดงหนุ่ม 1 ในผู้ร่วมชะตากรรม โพสต์ครบรอบ 8 ปีคลิปติดลิฟต์ 10 20 30 40ในตำนาน"“ตัวหอมจากภายใน! เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ทำได้จริง ทุกเพศทุกวัย”อดีตบอยแบนด์หันมาขายอาหารเสริม ถูกตำรวจออกหมายเรียกเกาะส้ม เสน่ห์กลางแม่น้ำเซียงเจียง ใจกลางฉางชาดรอป แบร์: โคอาล่าลวงโลกเรื่องแหกตาวัดดังเมืองกาญจน์ ประกาศเก็บค่าเข้าวัด 20 บ. อ้างค่าใช้จ่ายเยอะ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ตำนาน พระธาตุอินทร์แขวน (พระธาตุไจ้ก์ทิโย) เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญกระต่ายกับเต่ามัลติเวิร์สละครศึกเสน่หา ไกรทอง ชาละวัน ความเป็นพระเอกของไกรทองคือความซื่อสัตย์ตำนานรัก เมืองฟ้าแดดสงยาง
ตั้งกระทู้ใหม่